ทึ้งยกแผง! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดิ่งแรงกว่า 360 จุด น้ำมันดิบโลกปิดทรุดหลุด 76 ดอลลาร์

183
0
Share:
ทึ้งยกแผง! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดดิ่งแรงกว่า 360 จุด น้ำมันดิบโลกปิดทรุดหลุด 76 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,684 จุด -367 จุด หรือ -1.08% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,119 จุด -48 จุด หรือ -1.16% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 12,080 จุด -132 จุด หรือ -1.08%

สาเหตุจากนักลงทุนเกิดความกังวล และไม่มีความมั่นใจอย่างมากกับสถานการณ์ธนาคารระดับภูมิภาคอื่นๆ หลังจากธนาคารเฟิร์สท รีพลับลิก แบงก์ ล่มสลายเป็นธนาคารแห่งที่ 3 ใน 2 เดือนผ่านมาของสหรัฐอเมริกา นักลงทุนกระหน่ำเทขายหุ้นของธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐอเมริกาแทบทุกแห่งในคืนผ่านมา นอกจากนี้ การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดเริ่มต้นขึ้นในวันแรกจากทั้งหมด 2 วัน ทำให้เฝ้าประเมินมุมมองและแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดอย่างใกล้ชิด และสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่กำลังตึงเครียดกับการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 71.66 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -4.00 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -5.3% ไม่เพียงทำสถิติราคาปิดต่ำสุด 5 สัปดาห์ หรือนับตั้งแต่ 24 มีนาคมผ่านมา แต่ยังเป็นสถิติราคาน้ำมันดิบดำดิ่งในแง่เปอร์เซ็นต์มากที่สุดในรอบ 17 สัปดาห์ หรือตั้งแต่มกราคมปีนี้ ส่งผลราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก ร่วง 2 วันติดกัน 5.12 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 75.32 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -3.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -5.00% ไม่เพียงทำสถิติราคาปิดต่ำสุด 5 สัปดาห์ หรือนับตั้งแต่ 24 มีนาคมผ่านมา แต่ยังเป็นสถิติราคาน้ำมันดิบดำดิ่งในแง่เปอร์เซ็นต์มากที่สุดในรอบ 17 สัปดาห์ หรือตั้งแต่มกราคมปีนี้ ส่งผลราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ร่วง 2 วันติดกัน 4.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากนักลงทุนเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่กำลังตึงเครียดกับการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้ นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลังสหรัฐชี้แจงว่าสหรัฐอเมริกามีเงินงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายบริหารประเทศได้เพียงอีก 1 เดือนเท่านั้น

นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังคงแสดงถึงภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง หลังจากตัวเลขการเปิดรับสมัครงานตำแหน่งใหม่เดือนมีนาคมผ่านมาตกต่ำเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และตัวเลขการปลดพนักงานพุ่งสูงในรอบกว่า 2 ปี

ด้านภาวะเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่มีสัญญาณไม่สู้ดี หลังจากตัวเลขกิจกรรมภาคการผลิตอุตสาหกรรมในเดือนเมษายนลดลงอย่างที่ไม่เคยคาดการณ์มาก่อน สะท้อนผลกระทบการบริโภคน้ำมันดิบของจีนแผ่นดินใหญ่ลดต่ำลง

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,016.71 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ พุ่งทะยานถึง +36.33 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.8% ทำสถิติราคาปิดสูงสุดตั้งแต่ 14 เมษายน หรือในรอบ 3 สัปดาห์ผ่านมา

ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 2,026.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ +37.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ +1.7% ส่งผลรวม 2 วันทำการให้ราคาทองคำล่วงหน้าพุ่งทะยาน +47.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับแข็งค่าขึ้น รับกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี พลิกกลับเพิ่มขึ้นจากที่เคยลดลงในระดับต่ำสุดในรอบเดือน จากมุมมองที่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะปรับเพิ่มขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นเพียง 0.25% ซึ่งอาจเป็นครั้งสุดท้ายของการปรับขึ้นต่อเนื่องถึง 10 ครั้งติดต่อกันภายใน 1 ปีผ่านมา นอกจากนี้ นักลงทุนยังเฝ้าติดตามความเสี่ยงสูงจากปัจจัยการเมืองสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับความตึงเครียดกับการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้ นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลังสหชี้แจงว่าสหรัฐอเมริกามีเงินงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายบริหารประเทศได้เพียงอีก 1 เดือนเท่านั้น

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่า มีโอกาส 25% ที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายนนี้ ในขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมคืนวันนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย