ทุบแอปเปิล! มูลค่าบริษัทแอปเปิลดำดิ่งหลุดต่ำ 2 ล้านล้านดอลล์ ครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี
ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2566 ในคืนผ่านมา เปิดเผยว่า ในการซื้อขายระหว่างวันนั้น ราคาหุ้นของบริษัทแอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น พุ่งทะยานสูงสุดระหว่างสันถึงหุ้นละ 182.88 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่าหุ้นละ 6,400 บาท ทำให้มูลค่าบริษัทแอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น มีมูลค่าพุ่งสูงถึงระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 105 ล้านล้านบาทในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้กลายเป็นบริษัทแรกของสหรัฐอเมริกาและของโลกที่มีมูลค่าบริษัทแตะระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่หลังจากนั้นในวันเดียวกัน ราคาหุ้นของบริษัทแอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น มีราคาลดลงมาปิดที่ระดับ 125.07 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4,377.45 บาทต่อหุ้น ลดลง -3.7% ส่งผลมูลค่าบริษัท แอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนไอโฟนชื่อดังระดับโลก มีมูลค่าบริษัทมาอยู่ที่ระดับ 1.99 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 69.7 ล้านล้านบาท ทำให้มูลค่าบริษัทต่ำกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือต่ำกว่า 70 ล้านล้านบาท ทำสถิติเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี 10 เดือน หรือนับตั้งแต่มีนาคม 2021 เป็นต้นมา
สาเหตุจากนักลงทุนกังวลกับผลประกอบการของแอปี อินคอร์ปอเรชั่น ในปีนี้ ที่ยังคงเต็มไปด้วยปัจจัยลบ เช่น ภาวะเงินเฟ้อระดับสูงต่อเนื่อง ภาวะเศรษฐกิจโลกปีนี้ยังคงชะลอตัวและยากลำบากกว่าปีผ่านไป ส่งผลกระทบต่อความต้องการบริโภคสินค้าไอทีต่างๆ ขณะที่มีรายงานจากสื่อนิกเคอิ ญี่ปุ่น เปิดเผยว่าหนึ่งในซัพพลายเออร์ผลิตสินค้าให้แอปเปิลได้รับคำสั่งให้ลดจำนวนการผลิตชิ้นส่วนของหูฟัง แอปเปิลวอทช์ และแลบท็อป
แนวโน้มการส่งมอบไอโฟนในปีนี้ถูกปรับลดลงจากเดิมที่ 245 ล้านเครื่องมาอยู่ที่ 224 ล้านเครื่อง หรือลดลง 9.5% สาเหตุจากตลาดผู้บริโภคในปีนี้ยังคงเผชิญภาวะเงินเฟ้อสูง และปัญหาคอขวดการผลิตในต่างประเทศ
นักวิเคราะห์จากธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ เปิดเผยว่า ได้ลดเป้าหมายราคาหุ้นแอปเปิลลงจากเดิมที่หุ้นละ 180 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6,300 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่หุ้นละ 140 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4,900 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ ยังลดระดับมุมมองหรือการให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นแอปเปิลจากเดิมที่ระดับ โดดเด่น มาเป็นระดับ ปานกลาง ด้วย
ในปี 2022 ผ่านไป หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกมีราคาดำดิ่งรวมกันอย่างรุนแรง ราคาหุ้นรวมกันของบริษัทแอปเปิล ไมโครซอฟท์ อเมซอน อัลฟาเบธ(กูเกิล) และเมตา(เฟสบุ๊ก) คิดเป็น 18% ของดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปรากฎว่าตกต่ำจากในปี 2020 ที่มีสัดส่วนรวมกันถึง 24%
