ธนาคารกลางจีนซื้อทองมากอันดับ 1 ของโลก ไทยตามตุนทองคำอันดับ 5 กว่า 481,000 ล้านบาท

474
0
Share:

สภาทองคำโลก เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลก ไม่นับรวมตลาด OTC ได้ฟื้นตัวขึ้นนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563  เพราะทองคำถูกมองในฐานะ สินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ความต้องการทองคำในสิ้นปี 2564 ขึ้นมาอยู่ที่ 4,021 ตัน โดยเฉพาะไตรมาส 4 ความต้องการทองคำทั่วโลกเพิ่มขึ้นเเตะ 1,147 ตัน ถือเป็นระดับรายไตรมาสที่สูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ในปี 2562 และเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบรายปี

ขณะที่ความต้องการทองคำของผู้บริโภคไทยปี 2564 แตะระดับ 12 ตัน ในไตรมาสที่ 4 หรือเพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า รวมถึงความต้องการเครื่องประดับทองรายปีของประเทศ ไทยอยู่ที่ 8 ตัน เพิ่มขึ้น 38% จาก 6 ตันในปี 2563 และความต้องการใช้เครื่องประดับเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันในการเติบโตแบบปีต่อปี จึงมองว่า แนวโน้มความต้องการทองคำในปี 2565 จะยังมีอยู่

ความต้องการทองคำจะมาจาก 2 กลุ่มเป็นหลักคือ กลุ่มผู้บริโภค และกลุ่มสถาบัน โดยในระดับกลุ่มผู้บริโภคเชื่อว่า ความต้องการของกลุ่มนี้ ยังแข็งแกร่งและยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มสถาบันความต้องการอาจจะลดลงเล็กน้อย จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณที่ชัดเจนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อราคาทองคำ

สำหรับการถือครองทองคำของธนาคารกลางประเทศในเอเชีย 10 อันดับในปี 2564 พบว่า จีน 1,948 ตัน มูลค่า 113,118 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 2 ญี่ปุ่น 846 ตัน มูลค่า 49,117 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 3 อินเดีย  754 ตัน มูลค่า 43,783 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 4 ไต้หวัน 424 ตัน มูลค่า 24,596 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 5 ไทย 244 ตัน มูลค่า 14,176 ล้านดอลาร์สหรัฐ หรือกว่า 481,984 ล้านบาท

อันดับ 6 ฟิลิปปินส์  159 ตัน มูลค่า 9,220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 7 สิงคโปร์ 154 ตัน มูลค่า 8,926 ล้านดอลาร์สหรัฐ อันดับ 8 เกาหลีใต้ 104 ตัน มูลค่า 6,064 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 9 อินโดนีเซีย  79 ตัน มูลค่า 4,562 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอันดับ 10 มาเลเซีย39 ตัน มูลค่า 2,257 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 พบว่า ธนาคารกลางที่มีการสะสมทองคำเพิ่มขึ้นในปี 2564 มี 4 ประเทศคือ ญี่ปุ่น เพิ่มจาก 765 ตันเป็น 846 ตัน มูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 46,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 49,117 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 2 อินเดีย ขึ้นจาก 677 ตันเป็น 756 ตัน มูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 41,064 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 43,783 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 3 ประเทศไทย ซื้อเพิ่มขึ้นจาก 154 ตันเป็น 244 ตัน มูลค่าเพิ่มจาก 9,344 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 14,176 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอันดับ 4 สิงคโปร์ เพิ่มจาก 127 ตันเป็น 154 ตัน มูลค่าเพิ่มจาก 7,732 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 8,926 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในขณะที่ประเทศมีการสะสมทองคำลดลงมี 2 ประเทศคือ ฟิลิปปินส์ จาก 189 ตันเหลือ 159 ตัน มูลค่าลดลงจาก 11,457 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 9,220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเกาหลีใต้จาก 105 ตันเหลือ 104 ตัน มูลค่าลดลงจาก 6,339 ล้านดอลลาร์สหรัฐเหลือ 6,064 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับมูลค่าการถือครองทองคำในทุนสำรองทางการระหว่างประเทศของไทย จากการรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)พบว่า เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน กันยายน 2564 อยู่ที่ 13,788.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มเป็น 13,996.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนตุลาคม 2564 และเพิ่มเป็น 13,925.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤศจิกายน 2564 และ 14,247.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนธันวาคม 2564 แต่หลังการเข้าโจมตียูเครนของรัสเซีย ทำให้ราคาทองคำกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้งและส่งผลให้มูลค่าการถือครองทองคำของธนาคารกลางไทยในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นเป็น 14,976.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ