ธนาคารชั้นนำระดับโลกลดเป้าราคาน้ำมันดิบสิ้นปี 65 เตือนกลับมาแพงกว่า 120 ดอลลาร์ปี 66

344
0
Share:
ธนาคารชั้นนำระดับโลกลดเป้า ราคา น้ำมันดิบ สิ้นปี 65 เตือนกลับมาแพงกว่า 120 ดอลลาร์ปี 66

ธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ เปิดเผยว่า ได้ปรับลดราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ในช่วงไตรมาสที่ 3 ลง 12 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และในช่วงไตรมาสที่ 4 ลง 5 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 95 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงระดับราคาน้ำมันดิบรายไตรมาสในปี 2566 ที่ระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลขึ้นไป สาเหตุที่ระดับราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ในปี 2566 กลับมาเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่ปรับลดลง เนื่องจากรัสเซียจะส่งออกน้ำมันดิบลดลงถึงวันละ 1.5-2 ล้านบาร์เรลไปจนถึงต้นปี 2566

ด้านธนาคารยูบีเอส กรุ๊ป เอจี เปิดเผยว่า ได้ปรับลดราคาเป้าหมายน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ในช่วงสิ้นปีนี้ลง 15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล มาเคลื่อนไหวที่ระดับ 110 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล สาเหตุจากปัจจัยรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ในประเทศจากนโยบายไม่อยู่ร่วมโรคระบาดโควิด-19 และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ จะกลับมาพุ่งสูงขึ้นถึงระดับ 125 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในช่วงสิ้นเดือนกันยายนปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกตึงตัวหลังจากช่วงเวลาการขายน้ำมันดิบสำรองเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรหลายชาติสิ้นสุดลง และความต้องการใช้น้ำมันดิบไปผลิตไฟฟ้าทดแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีราคาแพงต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ในปี 2566 จะเคลื่อนไหวสูงถึงระดับ 125 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล สาเหตุจากกลุ่มจี 7 ที่จะประกาศการใช้มาตรการจำกัดเพดานราคาขายน้ำมันดิบของประเทศรัสเซีย ทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากรัสเซียจะลดลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเปรียบเทียบกับราคาน้ำมันดิบช่วงก่อนเกิดสงครามรัสเซียกับยูเครน