นักบินไชน่าแอร์ไลน์ส่อจงใจดิ่งเครื่องบินโบอิ้งปักหัว คร่าชีวิตยกลำ

สถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ของสหรัฐ เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่หลายคนที่ขอสงวนนาม ได้เปิดเผยเหตุโศกนาฏกรรมเครื่องบินโบอิง 737-800 ร่วงตกลงแนวดิ่งกับเทือกเขาในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางใต้ของจีนเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2565 พบว่า นักบินไม่เปิดใช้งานแฟลบซึ่งเป็นแผงที่ยื่นจากชายปีกเครื่องบินสำหรับช่วยเพิ่มแรงยก และไม่เปิดใช้งานล้อลงจอด จึงเชื่อว่าการที่เครื่องบินลำตกเกือบเป็นแนวดิ่งจึงน่าจะเป็นการกระทำโดยเจตนา เอบีซีนิวส์รายงานว่า ตามข้อมูลของทางการจีน เครื่องบินตกกระแทกอย่างแรงจนเกิดหลุมลึก 66 ฟุต และเจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังตรวจสอบชีวิตส่วนตัวของนักบินคนหนึ่ง เพราะเชื่อว่าเขาอาจกำลังมีปัญหาบางอย่างก่อนเกิดเหตุ

ด้านสำนักข่าววอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ผลการตรวจสอบกล่องดำเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์สซึ่งตกในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีนเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ปีนี้พบว่า การที่เครื่องบินตกในลักษณะปักหัวลงสู่พื้นนั้น เป็นการจงใจของผู้ที่อยู่ในห้องนักบิน
เครื่องบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MU5735 ได้ตกลงในหุบเขาใกล้กับเมืองอู๋โจว โดยเครื่องบินเดินทางออกจากเมืองคุนหมิงเมื่อเวลา 13.11 น.ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวันที่ 21 มี.ค. และมีกำหนดเดินทางถึงเมืองกวางโจวภายในเวลา 2 ชั่วโมง แต่ได้ประสบอุบัติเหตุตกก่อนเดินทางถึงจุดหมาย

ในเวลาต่อมาราว 2-3 วัน หน่วยงานด้านการบินของจีนสามารถกู้กล่องดำจากที่เกิดเหตุได้ และได้ส่งให้ทีมนักวิเคราะห์ของสหรัฐ

ผลการตรวจสอบกล่องดำยังระบุด้วยว่า นักบินไม่ได้ตอบสนองเสียงเรียกจากหอบังคับการบินที่ส่งสัญญาณเรียกหลายครั้ง จนกระทั่งเครื่องบินตกในลักษณะดิ่งลงสู่พื้นในที่สุด

ทั้งนี้ ราคาหุ้นโบอิ้งดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งถึง 6.2% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้านี้ หลังจากมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบกล่องดำ และหากการตรวจสอบดังกล่าวถูกต้อง ก็หมายความว่าบริษัทโบอิ้งไม่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เครื่องบินตกในครั้งนี้