นักวิชาการชี้กลุ่มพนันออนไลน์ฉวยโอกาสกอบโกยช่วงโควิด 19

883
0
Share:

รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผอ.ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 แม้ทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.จะห้ามเล่นการพนันทุกชนิด แต่จากการเฝ้าระวังกลับพบตัวเลขการตรวจจับลักลอบเล่นพนันเป็นรายวัน มีนักพนันฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉินฯ ทั้งที่รู้ว่าเสี่ยงติดโรค เสี่ยงโดนจับปรับในอัตราโทษที่สูง ขณะเดียวกันในโลกโซเชียล มีการโพสต์และแชร์ เชิญชวนให้เล่นพนันทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งการพนันมันมีลักษณะบางอย่าง ที่พ่วงด้วยกิจกรรมทางสังคม มีการเล่น มีการพูดคุย มีการแลกเปลี่ยนทางสังคม
.
โดยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 มีการเชิญชวนขอให้ทุกคนพยายามอยู่บ้าน ทำให้คนที่ติดการพนันมากๆ หันไปเล่นพนันออนไลน์ เพราะต้องหาอะไรแก้เซ็งแก้เบื่อ ส่วนคนที่ทำธุรกิจการพนันออนไลน์ ก็ฉวยโอกาสใช้ช่องทางนี้กอบโกย แต่จะมีเพียงคนบางกลุ่มที่ไม่คุ้นชินกับการเล่นพนันทางออนไลน์ จึงไม่สามารถไปทดแทนสำหรับคนกลุ่มนี้ได้ ทำให้ยังมีการแอบไปเล่นพนันนอกบ้าน การติดพนันจึงเหมือนติดเหล้า บางคนติดเหล้าแล้วดื่มเหล้าเงียบๆ คนเดียวอยู่ที่บ้านได้ หรือเล่นพนันออนไลน์คนเดียวได้ แต่ส่วนใหญ่ทำแบบนี้ไม่ได้ ต้องออกไปรวมกลุ่ม
.
ที่ผ่านมาเวลาที่พูดถึงการแก้ปัญหาและผลกระทบของการพนัน ก็ได้รับคำตอบว่าอย่างน้อยที่สุดจัดให้มันอยู่นอกบ้าน พนันไม่ควรอยู่ในบ้าน แต่พนันออนไลน์ได้ทลายกรอบทุกอย่าง เข้าไปถึงในบ้าน เล่นได้ทุกที่ทุกเวลา ก่อให้เกิดผลเสีย และเป็นปัญหาโลกแตกของทุกประเทศ
.
ดังนั้นรัฐบาลต้องเอาเรื่องนี้ไปเป็นบทเรียนเมื่อพ้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วควรคิดวิธีการทำงานให้มากขึ้น ทำอย่างไรให้การควบคุมปัญหาการพนันดีขึ้น ในปัจจุบันหน่วยงานต่างๆที่ทำงานเรื่องรณรงค์ พัฒนาคุณภาพชีวิตลดความเสี่ยง แต่ไม่ค่อยได้สนใจในเรื่องประเด็นพนัน ไม่สนใจงานด้านรณรงค์ส่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาและผลกระทบเกี่ยวกับการพนัน
.
ด้าน นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า จากการรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.-15 เม.ย.2563 พบการบุกจับบ่อนพนันกว่า 22 ครั้ง จับนักพนันได้ 814 ราย ยังไม่รวมที่หนีไปได้อีกหลายรายพบว่าบ่อนพนันยอดนิยมอันดับ 1 ได้แก่ บ่อนไพ่ ไฮโล จำนวน 19 ข่าว อันดับ 2 บ่อนไก่ชน 2 ข่าว เป็นบ่อนทางภาคใต้ 42.85% ภาคกลาง 38.09% ภาคเหนือ 9.25% ภาคอีสาน 9.25%
.