นักวิชาการย้ำ หากไม่ได้รัฐบาลใหม่เกินเดือน ส.ค.นี้ ฉุดส่งออกปี 66 ติดลบสูง 2.5%

232
0
Share:
นักวิชาการย้ำ หากไม่ได้ รัฐบาลใหม่ เกินเดือน ส.ค.นี้ ฉุด ส่งออก ปี 66 ติดลบสูง 2.5%

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ทำการวิเคราะห์ทิศทางการส่งออกไทยทั้งปี 2566 และครึ่งหลังของปี 2566 ภายใต้ปัจจัยเสี่ยง และปัจจัยที่ต้องติดตามต่างๆ โดยผลการวิเคราะห์แบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้

1. กรณีที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายในเดือนสิงหาคม 2566 คาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยไปตลาดโลกในปี 2566 จะมีมูลค่าเท่ากับ 283,738 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ระหว่าง 282,038-289,422 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหดตัว -1.2% โดยครึ่งหลังของปี 2566 คาดว่าจะมีมูลค่าเท่ากับ 142,244 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 3.1%

2. กรณีที่ไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายในเดือนสิงหาคม 2566 คาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยไปตลาดโลกในปี 2566 จะมีมูลค่าเท่ากับ 279,891 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหดตัว -2.5% และครึ่งหลังของปี 2566 คาดว่าจะมีมูลค่าเท่ากับ 138,398 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 0.3%

ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยที่ต้องติดตามที่สำคัญมีดังนี้ โดยปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกและคู่ค้าสำคัญชะลอตัว สถานการณ์เศรษฐกิจจีนอาจโตไม่ถึง 5% สถานการณ์การเมืองที่ยังไม่ชัดเจนจากการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า อัตราการว่างงานของประเทศคู่ค้าที่สูงขึ้น ค่าเงินที่ผันผวนจากอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐที่ทรงตัวในระดับสูง และมีโอกาสปรับขึ้น ภาวะเอลนีโญส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรและราคาน้ำมันดิบอาจปรับตัวสูงขึ้นจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก

ขณะที่ด้านปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ต้นทุนการผลิตที่สูง เช่น ค่าไฟฟ้า พลังงาน และค่าจ้าง ภาวะเงินเฟ้อ หรือ Inflation หรือภาวะเงินเฟ้อชะลอตัวลง หรือ Disinflation ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ และการลดการพึ่งพิงเงินสกุลดอลลาร์ (De-Dollarization)