ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจกสิกรไทยชี้แบงก์ชาติคงดอกเบี้ย 0.5% ต่อ

284
0
Share:

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจกสิกรไทยชี้แบงก์ชาติคงดอกเบี้ย 0.5% ต่อ แม้จะมีสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว

.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมวันที่ 10 พ.ย. นี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% หลังเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศและการคลายล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่เร็วกว่าที่คาด ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจ้างงาน โดยแม้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในปีนี้อาจยังคงมีจำกัด แต่ก็มีทิศทางที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระยะข้างหน้า
.
ในขณะที่คาดว่าการเร่งฉีดวัคซีนจะส่งผลให้คนไทยได้รับวัคซีนครบโดสเกิน 70% ไม่เกินต้นปีหน้าเป็นอย่างช้า ซึ่งจะส่งผลให้ความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงมีความไม่แน่นอนสูง โดยในหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ จีน อังกฤษ และรัสเซีย ต่างเผชิญกับการกลับมาเพิ่มสูงขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้ออีกครั้ง ดังนั้น คาดว่ากนง. น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยภายใต้ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ยังคงมีอยู่
.
สำหรับระดับเงินเฟ้อของไทยที่แม้จะเร่งสูงขึ้นอย่างมากจากราคาพลังงาน แต่โดยรวมคาดว่าจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของกนง. ที่ 1.0-3.0% โดยยังมีความเสี่ยงที่จะสูงขึ้นต่อเนื่อง หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขยับขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลและไม่ย่อตัวลงมาอย่างที่คาด ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อไทยเดือน ก.ย. เร่งตัวสูงขึ้นที่ 1.7% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา หลังมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟสิ้นสุดลงประกอบกับราคาน้ำมันเร่งสูงขึ้น โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าเงินเฟ้อจะเร่งสูงขึ้นกว่าเดิมตามแนวโน้มราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับพื้นที่เพาะปลูกหลายแห่งประสบปัญหาน้ำท่วมส่งผลให้ราคาผักบางชนิดเพิ่มสูงขึ้น คาดว่าทั้งปี 2564 อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ 1.2% โดยภาครัฐจะยังคงตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เพื่อลดผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชน
.
อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันดิบโลกยังคงพุ่งสูงต่อเนื่องและไม่ย่อตัวลงในปีหน้า อัตราเงินเฟ้อไทยอาจพุ่งสูงขึ้นเกินกว่ากรอบเป้าหมาย และทำให้เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะ stagflation ในขณะที่เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ซึ่งจะส่งผลให้ กนง. เผชิญความท้าทายในการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า เนื่องจากหากปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะยิ่งเป็นปัจจัยผลักดันให้เงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และในทางตรงกันข้าม การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายก็ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาเงินเฟ้ออย่างตรงจุดและจะยิ่งฉุดรั้งการฟื้นตัวเศรษฐกิจให้อ่อนแรงกว่าเดิม