นายกรัฐมนตรีประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ทั่วประเทศ เริ่ม 26 มี.ค.นี้ เป็นเวลา 1 เดือน

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ว่า การบังคับใช้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 26 มีนาคมนี้ และมีระยะเวลา 1 เดือน
.
พร้อมจะมีการยกระดับศูนย์อำนวยการการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) โควิด-19 ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะมีคณะทำงานจะสอดรับกัน โดยมีปลัดกระทรวงแต่ละแห่งเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งมาตรการเดิมที่เคยประกาศไปจะมีการปรับปรุงแก้ไข พร้อมจะมีการเสนอมาตรการใหม่โดยศอฉ.และมีตนเป็นผู้อนุมัติ เพราะกฎหมายอำนาจทั้งหมดจะมาอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งการทำงานทั้งหมด จะมีการประชุมทุกเช้าเวลา 9.00น. ด้วยการนำเสนอข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ และจะประกาศให้รับทราบ
.
ส่วนข้อกำหนดเมื่อมีการบังคับใช้ พ.ร.ก. นอกจากเรื่องการจัดตั้งทีมบริหารงานแล้ว เรื่องการประกาศข้อกำหนดใหม่ ก็สามารถดำเนินการออกได้ทุกวัน
.
ดังนั้นในระยะที่ 1 จะเป็นการออกข้อกำหนดเพื่อการลดปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสในพื้นที่ต่างๆ ทั้งการขอความร่วมมือและการบังคับ ส่วนการจะเปิด-ปิดอะไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน เพราะไม่อยากให้ใครเดือดร้อน ในสถานการณ์ที่ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนโดยรวม ดังนั้นอะไรที่ออกข้อกำหนดไปแล้ว ขอให้ความร่วมมือด้วย และอย่าเพิ่งเดินทางกลับภูมิลำเนา เพราะหากกลับจะเจอกับมาตรการคัดกรองต่างๆ ตรวจสอบระหว่างทางมากมาย
.
ซึ่งทุกมาตรการจะให้เวลาประชาชนในการปรับตัว และให้ความสำคัญในเรื่องการกักตัวที่บ้าน-ในพื้นที่ และมีสถานที่กักตัวของรัฐเพิ่มเติมขึ้น และหากยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น จะหามาตรการอื่นมารองรับ ทั้งโรงพยาบาลสนาม พื้นที่กักตัวขนาดใหญ่ เพราะทุกวันนี้พื้นที่ยังไม่เพียงพอ
.
ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก มันคือปัญหา ทุกคนต้องระวังและช่องทางการสื่อสารของรัฐบาลจะมีทุกช่องทาง ทั้งผ่านโซเชียลและหน่วยงานต่างๆ และประชาสัมพันธ์ของ ศอฉ.จะสรุปประเด็นต่างให้ทราบ ดังนั้นควรฟังช่องทางรัฐบาลเป็นหลัก
.
พร้อมขอให้ทุกคนระวังการใช้สื่อโซเชียล การให้ข่าวสารข้อมูลบิดเบือน เพราะเดิมใช้กฎหมายปกติอยู่ แต่เมื่อมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว จะแต่งตั้งเจ้าพนักงานทั้งหมดทั้งพลเรือน – พลทหารในการดูแล ทั้งการตั้งด่านตรวจ – จุดสกัด – การเตรียมความพร้อมต่างๆ และหากไม่ปฏิบัติตามจะมีการบังคับใช้ประกาศให้เข้มงวดขึ้น ด้วยการปิดล็อคเพิ่มขึ้น
.
ฝากสื่อมวลชนและผู้ใช้โซเชียลที่บิดเบือน จะต้องถูกรับการตรวจสอบทั้งสิ้นจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งหากพบจะมีความผิดทางอาญาด้วย สามารถจับกุมดำเนินคดีได้ รวมถึงการควบคุมการขึ้นราคาสินค้าด้วย