เปิดตลาดยุโรปน้ำมันดิบพุ่งเฉียด 5 ดอลล์ ดันเฉียด 113 ดอลล์ อียูจ่อคว่ำบาตรน้ำมัน

417
0
Share:

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าในทวีปยุโรป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เคลื่อนไหวที่ 109.57 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +4.87 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +4.65% ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เคลื่อนไหวที่ 112.91 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +4.98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.61% สาเหตุจากกลุ่มสหภาพยุโรป เตรียมพิจารณามาตรการคว่ำบาตรนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย

ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 104.70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.72 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +1.67% ก่อนหน้านี้ ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านไป มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 107.93 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.29 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +121% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ส่งผลให้ในสัปดาห์ที่ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน

สาเหตุจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือ IEA เปิดเผยรายงานพลังงานโลกประจำสัปดาห์ พบว่า ทั่วโลกจะเผชิญวิกฤตปริมาณน้ำมันดิบตลาดโลกครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ สาเหตุจากรัสเซียจะพบปัญหาในการผลิตน้ำมันดิบปริมาณ 3 ล้านบาร์เรลต่อวันนับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติทั่วโลกที่ตอบโต้ต่อการการทำสงครามของรัสเซียในประเทศยูเครน

IEA เปิดเผยต่อไปว่า การผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียจะเจอกับภาวะสะดุดครั้งใหญ่ ทำให้กลายเป็นปัจจัยคุกคามที่จะทำให้เกิดภาวะช็อคของแหล่งผลิตน้ำมันของโลก หรือ Global Oil Supply Shock ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงหลายสิบปีผ่านมา นั่นหมายความว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการที่รัสเซียต้องสูญเสียการผลิตน้ำมันดิบป้อนตลาดโลกจะเป็นสิ่งที่ประเมินผลกระทบต่ำกว่าความเป็นจริงไม่ได้