นายกสมาคมผู้ค้า LPG หวั่นแก๊สขึ้นราคาอาหารเพิ่ม หวังรัฐต่ออายุมาตรการตรึงราคา LPG

136
0
Share:
นายกสมาคมผู้ค้า LPG หวั่นแก๊สขึ้นราคาอาหารเพิ่ม หวังรัฐต่ออายุมาตรการ ตรึงราคา LPG

นายนรุตม์ ภัทรชัยพร นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงพลังงานได้ตรึงราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคครัวเรือนไว้ที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม (กก.) ซึ่งจะสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 31 มี.ค. 2567 นั้น ทางประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้าฯ คาดหวังว่ากระทรวงพลังงานจะมีการพิจารณาต่ออายุมาตรการตรึงราคาดังกล่าวออกไปอีกเนื่องจากปัจจุบันประชาชนเองยังประสบปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงทำให้แรงซื้อต่ำ หากมีการปรับราคาเพิ่มจะทำให้ราคาอาหารปรับขึ้นอีกซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมประชาชน โดยมองว่าขณะนี้ประชาชนมีกำลังซื้อลดลง เพราะรายจ่ายต่างๆ ที่สูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจยังไม่ได้ฟื้นตัวมากนัก สะท้อนจากร้านค้า LPG ครัวเรือนโดยรวมมียอดขายที่ลดลงราว 10-15% เพราะประชาชนต้องประหยัด ขณะเดียวกัน หากขึ้นราคาร้านค้าเองก็ต้องหาเงินมาเพิ่มสต๊อก LPG สำรองท่ามกลางรายจ่ายที่ก็สูงอยู่แล้วแต่กำไรต่อถังต่ำมากขึ้น

ปัจจุบันร้านค้า LPG ประสบปัญหาต้นทุนเพิ่มหลายด้าน ทั้งการจ้างพนักงานขนถัง LPG ส่งให้กับบ้านต่างๆ ที่หายากเนื่องจากต้องใช้แรงงานสูงคนทำงานเหล่านี้เลือกที่จะทำงานในโรงงานมากกว่า ทำให้ต้องจ่ายค่าพนักงานในระดับที่แพงขึ้น ขณะเดียวกันค่าบำรุงยานรถใหญ่ที่ขนส่งถังก๊าซฯ ก็สูง ค่าประกันภัยการขนส่งก็ค่อนข้างแพง ขณะเดียวกัน จากมาตรการใหม่ของกระทรวงพลังงานที่กำหนดให้ร้านค้าที่เปิดใหม่โดยเฉพาะตึกแถวจะต้องให้ตึกข้างเคียงยินยอมให้ดำเนินการได้ซึ่งประเด็นนี้เท่ากับเป็นการคุมกำเนิดร้านค้า LPG ใหม่เพราะแน่นอนว่าย่อมไม่มีใครอยากให้ร้าน LPG ที่อันตรายอยู่ร่วมด้วยจึงเป็นเรื่องที่ยากขึ้น

“ทุกวันนี้ร้านค้า LPG ใหม่ที่จะเกิดก็ยาก ขณะที่ร้านดั้งเดิมเองที่เป็นคนรุ่นพ่อแม่ที่ดำเนินการอยู่ก็ไม่แนะนำให้รุ่นลูกรับช่วงต่อไปทำธุรกิจอื่นแทนมากขึ้น ด้วยปัญหาต้นทุนต่างๆ ที่สูงท่ามกลางรายได้ต่อถังที่ต่ำลง ภาพรวมร้าน LPG ต่อไปคงจะลดลง” นายนรุตม์กล่าว

นอกจากนี้ ในภาคอีสานโดยเฉพาะจังหวัดร้อยเอ็ดปั๊ม LPG ที่เติมในรถยนต์มีการนำก๊าซฯ ไปเติมให้กับถังครัวเรือนแทนทั้งขนาด 4 กก. และ 15 กก. ซึ่งทำให้ยอดรายได้สูงแม้ว่าขณะนี้ยอดรถยนต์ที่ใช้ LPG แทบจะมีน้อยมากแม้ว่ารัฐจะให้รางวัลนำจับหรือแจ้งเบาะแส แต่ความคุ้มค่าก็ยังสูงอยู่ซึ่งถังเหล่านี้จะไม่ถูกนำไปซ่อมบำรุงกลายเป็นถังเก่าๆ ที่จะไม่ปลอดภัย ซึ่งปั๊มที่ดำเนินการเป็นปั๊มอิสระหรือประเภทต้วแทน

ปัญหาดังกล่าวจึงทำให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเมื่อ 8 มี.ค. 67 กำหนดเกณฑ์มาตรฐานกลางในการคัดสภาพถังก๊าซหุงต้มของร้านจำหน่าย โรงบรรจุ และผู้ค้าก๊าซฯ เพิ่มความเข้มข้นการตรวจตรา เพิ่มประสิทธิภาพการส่งถังกลับไปซ่อม อีกทั้งได้ผสานความร่วมมือภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งระบบ และเพิ่มช่องทางรับเรื่องร้องเรียนอีกทาง