ไอเอ็มเอฟเผยหนี้โลกพุ่งกว่า 200% ของเศรษฐกิจโลก

749
0
Share:

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เตือนธุรกิจเอกชนทั่วโลกที่ระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้ของบริษัท เพื่อนำเงินจากผู้ซื้อหุ้นกู้ของบริษัทนั้นๆ ไปซื้อหุ้นของบริษัทกลับคืนในตลาดหุ้น เพื่อไม่ให้หุ้นของบริษัทมีราคาตกต่ำเกินไป นอกจากนี้ยังนำไปจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น รวมถึงนำไปทุ่มซื้อกิจการเพื่อเร่งขยายธุรกิจให้เร็วและใหญ่โตมากขึ้น สถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจช๊อคอย่างรุนแรง ถ้าบริษัทที่ออกหุ้นกู้ไม่สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้คืนจากนักลงทุนได้ หรือตัดสินใจลดค่าใช้จ่ายอย่างรวดเร็วด้วยการตัดลดการลงทุน และปรับลดพนักงานออกจากบริษัทเป็นจำนวนมากในขณะที่เกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหนักในปัจจุบัน
.
โดยมูลค่าหนี้ทั่วโลกทั้งหนี้รัฐบาลและหนี้เอกชนมีรวมกันมากถึง 188 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 5,735 ล้านล้านบาท มีอัตราหนี้ต่อมูลค่าเศรษฐกิจหรือจีดีพีทะยานขึ้น 226% ในปี 2562 หากพิจารณาเฉพาะหนี้ภาคเอกชน จะพบว่าเอกชนก่อหนี้เพิ่มขึ้นตลอดเวลานับตั้งแต่ปี 2553 ถึงปัจจุบัน ทำให้อัตราหนี้เอกชนในทุกวันนี้ขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงสุดก่อนจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อปี 2551 ส่งผลให้มีความเสี่ยงสูงที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศที่มีความเปราะบาง หรืออ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวหนักในรอบกว่า 10 ปี
.
ในขณะที่หนี้ภาครัฐบาลของประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้อยู่ในระดับสูงมากกว่ามูลค่าหนี้ในปี 2551 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐลุกลามกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจโลก สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว พบว่ามี 33% ที่มีอัตราหนี้สาธารณะหรือหนี้รัฐบาลสูงกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2551 ถึง 30% ขณะที่อัตราเฉลี่ยหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศเกิดใหม่พุ่งขึ้นถึงระดับเท่ากับอัตราหนี้สาธารณะในวิกฤตเศรษฐกิจช่วงกลางยุค 2523 และกลางยุค 2533