นายกฯยอมรับใช้เงินกองทุนน้ำมันติดลบแล้ว ใช้อุ้มราคาน้ำมัน 6,000 ล้านบาทต่อเดือน
วันนี้ 20 ตุลาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในขณะนี้ ว่า รัฐบาลเข้าใจความเดือดร้อนของสมาคมขนส่งหรือสมาคมรถบรรทุกและพยายามดูแลอย่างเต็มที่แล้ว แต่สถานการณ์น้ำมันโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่รู้ว่าจะขึ้นอีกเท่าไหร่ ในช่วงที่ผ่านมาได้บริหารจัดการเรื่องนี้ ซึ่งทุกรัฐบาลก็นำเงินจากกองทุนน้ำมันออกไปช่วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า เราก็ช่วยมาตลอด เพราะที่จริงแล้วราคาน้ำมันสูงมากกว่านี้ เราจะพยายามให้ได้ในราคาลิตรละ 30 บาทซึ่งในราคานี้ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเดือนละประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท สถานการณ์ปัจจุบันนี้ติดลบแล้ว เราก็ต้องมาพิจารณาว่า อีก 2 เดือนข้างหน้าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ยอมรับว่า เห็นใจผู้ประกอบการขนส่งทุกคน แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก ซึ่งยังมีความขัดแย้งในหลายส่วน ผมคิดว่าสถานการณ์ก็ยังคงเป็นอย่างนี้อีกระยะหนึ่ง ปัจจุบันมีน้ำมันอยู่หลายประเภท ราคาก็จะต่างกัน เพราะมีส่วนผสมที่แตกต่างกันออกไป ถ้าใช้เงินไปอุดหนุนตรงส่วนใดมากก็จะทำให้น้ำมันอีกส่วนนึงราคาสูง จะต้องดูตรงนี้ด้วย แต่ก็จะคุมให้ได้ 30 บาทต่อลิตรก่อน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกส่วนหนึ่งคือจะทำอย่างไร ให้กองทุนน้ำมันเกิดความคล่องตัว ต้องมาดูว่าต้องหาเงินมาจากที่ใด จะกู้เงินได้ไหม ได้เท่าไหร่ สิ่งเหล่านี้ นายกฯได้ดูมาตลอด และเตรียมพร้อมมาในเรื่องนี้ ส่วนการเรียกร้องให้ราคาน้ำมันลิตรละ 25 บาทนั้น ก็ต้องดูว่า อยู่ตรงไหน ต้นทุนเป็นอย่างไร เรื่องน้ำมันมีปัญหาเยอะมาก เพราะใช้น้ำมันในประเทศมาก ต้องยอมรับว่า บ้านเราเจริญเติบโตเรื่องถนนหนทางก็เลยต้องใช้น้ำมันจำนวนมาก
สำหรับสาเหตุที่น้ำมันที่ผลิตในประเทศราคาแพงอ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การผลิตน้ำมันของประเทศไทยมีไม่ถึง 20% ซึ่งบางส่วนก็เป็นน้ำมันที่คุณภาพต่ำ มาใช้อะไรได้ไม่มาก ส่วนนี้เราก็จะส่งออกไปขายต่างประเทศ นำเงินรายได้เข้ามาในประเทศ แต่ที่ผลิตได้เอง มีอยู่เพียง 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ นำเข้าน้ำมันถึง 80% ตามราคาน้ำมันโลกในส่วนนี้ก็จะมีภาษีในส่วนของกรมสรรพสามิต ซึ่งเราก็จะต้องไปดูอีกครั้งหนึ่งว่ารายได้ต่างๆที่ได้จากกลุ่มสรรพสามิตก็จะต้องนำมาดูแลในส่วนต่าง ๆ โดยในช่วงบ่ายนี้ ตนได้สั่งการให้กระทรวงพลังงานชี้แจงในเรื่องนี้ด้วย
