นายกฯ เเถลงเปิดไทยทั้งประเทศภายใน 120 วัน ปลดล็อคทุกข้อจำกัดระดับประเทศ “ยอมรับว่าเสี่ยง แต่ประชาชนต้องเสี่ยงร่วมกันบ้าง”

644
0
Share:
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ศบค. แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ มีใจความว่า การเดินหน้าแผนฉีดวัคซีนให้กับประชาชนมีความคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงอยากอัพเดทให้ทุกท่านทราบ ถึงโรดแมปที่กำลังจะเดินหน้าต่อไป เพื่อเริ่มการพลิกฟื้นจากวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วง 1 เดือนกว่าที่ผ่านมานี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรีสามารถสั่งการโดยตรงได้ ตลอดจนแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วทั้งหมดเป็นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด บนพื้นฐานการรับฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจากทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน และจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จนถึงปัจจุบันอยู่ในระหว่างการทำงาน กับผู้ผลิตวัคซีน จำนวน 6 รายแล้ว ได้แก่ ไฟเซอร์, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, โมเดิร์นน่า, รวมถึง แอสตรา เซเนกา, ซิโนแวค, และซิโนฟาร์ม
.
นอกจากนั้น ในส่วนของการเดินหน้าจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม จนถึงตอนนี้ ยืนยันการจัดหา โดยมีการลงนามในสัญญาจอง หรือสัญญาซื้อไปแล้ว 105.5 ล้านโดส ทำได้เกินเป้าหมายที่เราตั้งไว้สำหรับปีนี้ โดยทั้งหมดจะทยอยส่งมอบเข้ามา ภายในปีนี้ และจะทยอยฉีดต่อไป พร้อมกันนี้ เรายังจะเดินหน้าจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอีกสำหรับปีหน้าการเดินหน้าตามแผนฉีดวัคซีนนี้ เราจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้โดยเฉลี่ย ประมาณเดือนละกว่า 10 ล้านโดส หากวัคซีนส่งมาเพียงพอในแต่ละเดือน และประมาณต้นเดือนตุลาคม จะมีประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีน อย่างน้อยเข็มแรกแล้ว จำนวน 50 ล้านคน ตอนนี้ ถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องมองไปในอนาคตที่ไกลขึ้นอีก คือการเปิดประเทศ และรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยอีกครั้ง นี่คือหนทางสำคัญหนทางหนึ่ง ที่จะช่วยบรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ไม่สามารถทำมาหากินกันได้มาเป็นระยะเวลานาน
.
จึงได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่า ประเทศไทยจะต้องเปิดทั้งประเทศ ให้ได้ภายใน 120 วัน ส่วนเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญหากพร้อมได้เร็วกว่า สามารถทยอยเปิดได้เร็วกว่านั้น นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดส เรียบร้อยแล้ว ควรเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว และไม่ต้องมีเงื่อนไขข้อห้ามที่สร้างความยากลำบาก รวมทั้งคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ หากเป็นคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ก็ควรที่จะสามารถเดินทางกลับเข้าประเทศของตัวเองได้ โดยไม่ต้องกักตัว ในส่วนของสถานที่ทำงาน และธุรกิจร้านค้าต่างๆ ควรต้องกลับมาเปิดทำการได้ การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ควรทำได้ โดยไม่มีข้อห้ามหรือข้อบังคับแบบเหมารวมทั้งจังหวัด ที่จะสร้างความยากลำบากอีกยกเว้นหากมีสถานการณ์ร้ายแรงใหม่เกิดขึ้น หรือมีความจำเป็นจริงๆ ก็ให้พิจารณาเป็นกรณีไป
.
ขอให้ทุกหน่วยงานภาครัฐ ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เริ่มเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม เพื่อที่จะสามารถเปิดให้มีการทำมาหากินของประชาชนได้อีกครั้งตามกรอบเวลา ทั้งยังต้องดำเนินการเรื่องการฉีดวัคซีนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายเปิดประเทศภายใน 120 วัน เราจะเริ่มนำร่องที่จังหวัดภูเก็ต ที่เตรียมผ่อนคลายบางมาตรการ และเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาแบบ Sandbox ได้เร่งรัดให้นำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาและอนุมัติ ในช่วงสัปดาห์หน้า เพื่อจะได้เดินหน้าทำให้เกิดขึ้นจริงตามแผน เป็นการเตรียมการเพื่อเปิดประเทศในระยะต่อไป ด้วยกรอบเวลานี้ คาดหวังว่าถึงตอนนั้น หลายๆ ประเทศคงจะเริ่มผ่อนคลาย ให้ประชาชนของเค้าสามารถเดินทางออกมาท่องเที่ยวได้แล้ว และน่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากพอสมควร ที่เลือกเดินทางมาประเทศไทย
.
ผมรู้ดีว่าการตัดสินใจของผมวันนี้ มาพร้อมกับความเสี่ยง เพราะเมื่อเราเปิดประเทศ ไม่ว่าเราจะเตรียมการป้องกันขนาดไหนก็ตาม ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นบ้าง แต่เมื่อประเมินสถานการณ์ และคิดถึงความอยู่รอดในการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน ผมคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องยอมรับความเสี่ยงร่วมกันบ้าง หากความเสี่ยงนั้นได้ประเมินอย่างรอบคอบแล้วว่า อยู่ในระดับที่พอจะรับได้ต้องจัดลำดับความสำคัญภายใน สำหรับประเทศไทยของเรา เพื่อให้ประเทศ เดินหน้าต่อไปได้
.
จนถึงวันนี้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก นอกจากนั้น อีกหนึ่งปัญหาที่เราหลีกเลี่ยงได้สำเร็จก็คือ หลีกเลี่ยงการทำลายระบบสาธารณสุข ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น คงจะส่งผลให้มีผู้เสียจากชีวิตจากโรคภัยอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย จากการที่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ภารกิจต่อไปของผมคือ ผมต้องทำให้ทุกคนสามารถกลับมาทำมาหากินกันได้ปกติอีกครั้ง โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราได้เห็นกันแล้วและต้องทำใจว่า ทั่วโลกยังจะต้องอยู่กับไวรัสนี้ต่อไปอีก แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถรอจนไวรัสนี้หมดไปจากโลก และเราก็ไม่สามารถรอ จนทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสกันถ้วนหน้าก่อน แล้วจึงค่อยเปิดประเทศ สิ่งที่เราต้องทำก็คือ เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้เหมือนกับโรคภัยอื่นๆ จัดการโควิดให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และให้ประชาชนสามารถกลับมาทำมาหากินกันได้อีกครั้ง
.
ในระยะสั้น นโยบายสำคัญคือ อย่างน้อยที่สุดประชาชนทุกคนควรต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะการได้รับวัคซีนแม้แค่เพียงเข็มแรก ก็สามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตได้ในระดับที่มากพอสมควรแล้ว และในระยะยาว การจัดการกับโควิด-19 คือ การมีฐานการผลิตวัคซีนโควิด-19 ตั้งอยู่ในไทย ซึ่งจะช่วยให้เราทุกคนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้ในระยะยาวต่อไป
.
สุดท้ายนี้ ผมขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรต่างๆ ที่เหนื่อยกันมา กว่าปีครึ่งแล้ว และยังคงทำหน้าที่ต่อไปอย่างเต็มที่และเต็มใจ อย่างที่ทุกคนคงจะได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้วเมื่อไปรับการฉีดวัคซีน เจ้าหน้าที่และบุคลากรทุกคนไม่ใช่เพียงแค่มาทำหน้าที่ให้เสร็จๆ ไปเท่านั้น แต่เราสัมผัสได้ ทั้งจากท่าทาง คำพูด และการกระทำ ว่าทุกคนมาทำหน้าที่ ด้วยหัวใจ และด้วยความปรารถนาดี ที่ต้องการปกป้องชีวิตของพี่น้องคนไทยด้วยกัน