บางจากฯ และพันธมิตร ต่อยอดพัฒนาโครงการคาร์บอนเครดิตจากภาคการเกษตรและพลังงานหมุนเวียน

268
0
Share:
บางจาก และพันธมิตร ต่อยอดพัฒนา โครงการคาร์บอนเครดิต จากภาคการเกษตรและพลังงานหมุนเวียน

นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายประเสริฐ ตรงเจริญเกียรติ ประธานสายปฏิบัติการ/ธุรกิจเพื่อสังคม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ และ นายชาญวิทย์ ตรังอดิศัยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการลงทุน บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง “การพัฒนาโครงการด้านคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ การเกษตรและพลังงานหมุนเวียนกับกลุ่มสหกรณ์และเกษตรกรในเครือข่ายธุรกิจบางจากฯ และพันธมิตร” เพื่อสนับสนุนความร่วมมือ ประชาสัมพันธ์ ส่งเสริม แลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ เทคโนโลยี บุคลากร กระบวนการจัดการในโครงการด้านคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ การเกษตรและพลังงานหมุนเวียนกับกลุ่มสหกรณ์และเกษตรกรในเครือข่ายธุรกิจบางจากฯ และพันธมิตร ให้สอดคล้องกับโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) ผ่านกิจกรรมในแปลงพืชเกษตรยืนต้น ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ไม้ผล เป็นต้น และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้เองเพื่อลดต้นทุนทางการผลิต สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด สร้างมูลค่าเพิ่มและคุณค่าร่วมจากกระบวนการคาร์บอนเครดิตที่เกิดขึ้น

นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท บางจากฯ กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทบางจากให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างความท้าทายด้านพลังงาน 3 ประการ (Balancing the Energy Trilemma) คือ ความมั่นคงด้านพลังงาน (Energy Security) การเข้าถึงพลังงาน (Energy Affordability) ความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability) วันนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะร่วมมือกันเพื่อสนับสนุนให้ผู้มีส่วนได้เสียทางธุรกิจที่สำคัญกลุ่มหนึ่งของบางจากฯ คือเครือข่ายสหกรณ์การเกษตร มีโอกาสเข้าถึงพลังงานสะอาดและมีส่วนร่วมสร้างความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบัน บางจากฯ มีสถานีบริการน้ำมันกว่า 1,360 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งกว่า 600 แห่งเป็นสถานีบริการน้ำมันชุมชนหรือปั๊มชุมชน ดำเนินการโดยเครือข่ายสหกรณ์การเกษตร ครอบคลุมกว่า 1 ล้านครัวเรือน ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียทางธุรกิจที่บางจากฯ ให้ความสำคัญในการดูแลและทำงานร่วมกันมาตลอดเวลากว่า 33 ปี ที่จัดตั้งปั๊มชุมชนขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2533 เป็นที่น่ายินดีที่ได้รับทราบว่า ผู้นำสหกรณ์การเกษตรมีแนวโน้มต้องการมีส่วนร่วมในการป้องกันภาวะโลกร้อน สนใจจะใช้พลังงานหมุนเวียนรวมถึงต้องการมีส่วนร่วมในโครงการด้านคาร์บอนเครดิตจากภาคการเกษตร สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์และแผนด้านความยั่งยืนของกลุ่มบริษัทบางจาก จึงเป็นที่มาของการลงนามความร่วมมือนี้ และขอขอบคุณพันธมิตรทุกองค์กรที่มาร่วมกันผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำในวันนี้”

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ริเริ่มและรับผิดชอบโครงการ ได้กล่าวถึงความเป็นมาของความร่วมมือดังกล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ เกิดจากการที่ทุกภาคส่วนกำลังให้ความสำคัญกับการร่วมป้องกันภาวะโลกร้อนที่กำลังเป็นประเด็นสำคัญในระดับโลก สำหรับกลุ่มบริษัทบางจาก ได้กำหนดแผนงาน BCP316NET เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593)

ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นจากแนวคิดเรื่องคาร์บอนเครดิตในภาคการเกษตรและจากพลังงานหมุนเวียน จากการที่สหกรณ์การเกษตรผู้ดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมันชุมชนของบางจากฯ ส่วนหนึ่งประกอบธุรกิจพืชเกษตรยืนต้น โดยมีการดูแลเป็นอย่างดีและมีแผนปรับปรุงการใช้ปุ๋ย รวมถึงผู้ประกอบการสหกรณ์การเกษตรจำนวนมาก ต้องการปรับเปลี่ยนมาผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้เองเพื่อลดต้นทุนทางการผลิตและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการลงนามความร่วมมือในวันนี้ บางจากฯ และพันธมิตรจะจัดทำโครงการ “พรรณ D” คาร์บอนเครดิตจากพืชเกษตรยืนต้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ และติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับใช้ในภาคธุรกิจผ่านออมสุขวิสาหกิจเพื่อสังคม ร่วมกับเครือข่ายสหกรณ์การเกษตรที่สนใจจะร่วมโครงการ โดยได้นำร่องสำรวจความต้องการของสหกรณ์การเกษตรมาระยะหนึ่งแล้ว พร้อมเริ่มโครงการทั้งสอง ในเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป