บาทยังแข็ง! เงินบาทวันนี้เปิดตลาดแข็งค่า ดอลลาร์อ่อน-โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำหนุน

112
0
Share:

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทวันนี้เปิดที่ระดับ 36.60 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  36.70 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.50-36.70 บาทต่อดอลลาร์ 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.58-36.68 บาทต่อดอลลาร์) ทั้งนี้ในช่วงแรก เงินบาทได้เคลื่อนไหวอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 36.75 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราได้ประเมินไว้ก่อนหน้า ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังรายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด 

อีกทั้งประธานเฟดสาขา Atlanta (Raphael Bostic) ก็ออกมาสนับสนุนว่า เฟดควรลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ดีเงินบาทได้พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องไปตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรราคาทองคำ หลังรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการของสหรัฐฯ เดือนมีนาคม ออกมาต่ำกว่าคาดไปมาก ส่วนถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ที่ย้ำจุดยืนว่าเฟดยังไม่รีบลดดอกเบี้ยจนกว่าเฟดจะมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่เป้าหมาย 2% ได้ ก็ไม่ได้ส่งผลต่อตลาดการเงินมากนัก เนื่องจากท่าทีดังกล่าวของประธานเฟดไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมและสอดคล้องกับมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท คงมองว่าโมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นเริ่มชะลอลง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และอานิสงส์ของโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ นอกจากนี้ จากการประเมินปัจจัยเชิงเทคนิคัล สัญญาณ Bearish Divergence บน USDTHB ก็มีความชัดเจนมากขึ้น เมื่อประเมินจากภาพการเคลื่อนไหวของเงินบาทรายชั่วโมง และราย 4 ชั่วโมง ทำให้เรามองว่า เงินบาทอาจชะลอการอ่อนค่าลง และน่าจะยังไม่อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 36.70-36.80 บาทต่อดอลลาร์ไปก่อนจนกว่าผู้เล่นในตลาดจะทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ขณะที่การกลับมาแข็งค่าขึ้นก็อาจยังติดโซนแนวรับ 36.45 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากเงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนการแข็งค่า อีกทั้งผู้เล่นในตลาดจะยังไม่รีบกลับมาเพิ่มสถานะ Long THB หรือลดสถานะ Short THB อย่างมีนัยสำคัญ จนกว่าจะรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ก่อน

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในช่วง 18.30 . ตามเวลาประเทศไทย รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ตั้งแต่ช่วง 19.30 . เป็นต้นไป