‘ปตท.’ ลุ้นไม่ต้องจ่ายค่าปรับ 4,300 ล้าน กรณีไม่สามารถผลิตก๊าซฯ แหล่งเอราวัณได้

269
0
Share:
ปตท. ลุ้นไม่ต้องจ่าย ค่าปรับ 4,300 ล้าน กรณีไม่สามารถผลิตก๊าซฯ แหล่งเอราวัณได้

รายงานข่าวจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ออกคำสั่งถึง ปตท. เพื่อเรียกเก็บค่าปรับจากผู้ขายก๊าซธรรมชาติในแต่ละวัน (ชอตฟอล์) จำนวน 4,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ บริษัท เชฟรอนประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด จ่ายให้กับ ปตท. กรณีไม่สามารถผลิตก๊าซฯ แหล่งเอราวัณได้ตามสัญญาสัมปทาน ตั้งแต่กลางปี 2564 จนถึงช่วงหมดสัญญาสัมปทาน ที่มีการส่งมอบแก่กลุ่ม บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.วันที่ 23 เม.ย. 2565 ว่าล่าสุด ปตท. ได้ยื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่ง ต่อกกพ.ไปแล้ว เมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจาก ปตท. ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว และจำเป็นต้องมีการตีความเงื่อนไขสัญญาต่างๆ เป็นมุมมองที่อาจแตกต่างกัน ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ซึ่งไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน

โดยที่ผ่านมาสัญญาซื้อขายก๊าซฯ ระหว่าง ปตท.กับผู้ผลิตฯ (เชฟรอนฯ) ก็มีการระบุเงื่อนไขต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทค ออล เพย์ หรือ ชอต ฟอลล์ กรณีที่ผู้ผลิตฯไม่สามารถส่งมอบก๊าซฯได้ตามสัญญาก็จะมีบทปรับเกิดขึ้น โดยปตท.ดำเนินการตามเงื่อนไขสัญญา ไม่ได้ทำอะไรที่บกพร่อง

“ที่ผ่านมา ปตท. ได้ดำเนินการช่วยเหลือค่าครองชีพด้านพลังงานให้กับประชาชนมาโดยตลอด โดยเห็นว่า ตลอดระยะเวลาของวิกฤตโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาพลังงานปรับเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการผลิตพลังงานในตลาดโลก ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติได้ร่วมแก้ไขและบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับปริมาณความต้องการของประเทศทั้งในภาคประชาชน การขับเคลื่อนอุตสาหกรรม เป็นจำนวนเงินรวมกว่า 20,000 ล้านบาท เป็นช่วยเหลือระหว่างปี 2563 – 2565 เช่น การสำรองน้ำมัน 4 ล้านบาร์เรล การตรึงราคาเอ็นจีวี การช่วยเหลือราคาแอลพีจี แก่หาบเร่แผงลอยผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การสนับสนุนเงินเข้ากองทุนน้ำมัน และการขยายเครดิตเทอมแก่ กฟผ. เพื่อลดภาระค่าเอฟที”

อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้รับหนังสือยื่นหนังสืออุทธรณ์แล้ว ซึ่งปตท.ถึงประเด็นเงื่อนไขสัญญาว่า สามารถดำเนินการได้ ซึ่งการประชุมบอร์ดกกพ.ล่าสุด จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาการอุธรณ์ดังกล่าวแล้ว เพื่อหาข้อสรุปโดยเร็ว จะพยายามให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ หรือต้นเดือนหน้า เพื่อนำเงินมาลดราคาก๊าซธรรมชาติ ส่งผ่านไปถึงต้นทุนค่าไฟงวดใหม่ให้ถูกลง

สำหรับคณะอนุกรรมการดังกล่าว มีบอร์ดกกพ. เป็นประธาน มีกรรมการเป็นผู้เชี่ยวชาญจากภาคส่วนต่างๆ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ตัวแทนจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ, อดีตผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงาน, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) , สำนักอัยการสูงสุด, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งจะเชิญ บมจ.ปตท. บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต ผู้ได้รับสัมปทานเดิม มาให้ข้อมูล แต่ไม่ได้อยู่ในส่วนของคณะทำงาน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย