ปตท.สผ. คาดราคาน้ำมันดิบดูไบครึ่งปีหลังเฉลี่ย 70-80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล อุปทานตึงตัว

214
0
Share:
ปตท.สผ. คาด ราคาน้ำมันดิบ ดูไบ ครึ่งปีหลังเฉลี่ย 70-80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล อุปทานตึงตัว

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP)หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยในไตรมาส3/2566 และทั้งปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 470,000 และ 464,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันตามลำดับ ลดลงจากปี 2565 เนื่องจากปริมาณการขายปิโตรเลียมในโครงการที่ต่างประเทศลดลง

สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบของบริษัทจะผันแปรตามราคาน้ำมันดิบตลาดโลก บริษัทคาดการณ์ว่าครึ่งหลังของปี 2566 อุปทานน้ำมันดิบจะตึงตัวเล็กน้อย แต่ตลาดยังมีความกังวลด้านเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเคลื่อนไหวในกรอบราคา 70-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจ การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางนโยบายของกลุ่มOPEC+ และรัสเซีย แผนการใช้น้ำมันดิบของคลังสำรองน้ำมันดิบทางยุทธศาสตร์ สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อเป็นต้น

โดยความต้องการใช้น้ำมันดิบในไตรมาส 3/2566 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้ตามฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศฝั่งตะวันตกและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆของจีน แต่อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นถูกกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางของสหรัฐและยุโรป ที่ยังมองว่าอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงและจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ย เพื่อให้เงินเฟ้อชะลอตัว ส่วนอุปทานกลุ่ม OPEC+ มีมติปรับลดกำลังการผลิตลงกว่า 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน มีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 – ธันวาคม 2567 และประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้ลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมในเดือนกรกฎาคม – สิงหาคมที่ 1 ล้านบาร์เรล/วันเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทำให้คาดว่าอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกจะตึงตัวในไตรมาส 3 นี้

ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทนั้น มีโครงสร้างราคาผูกกับราคาน้ำมันย้อนหลังประมาณ 6-24 เดือน บริษัทคาดว่าราคาขายก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยในไตรมาส 3 ปี 2566 และทั้งปี 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 5.8-6.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะสามารถรักษาต้นทุนต่อหน่วยได้ที่ประมาณ 27-28 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาส 3 ปี 2566 ลดลงจากต้นทุนต่อหน่วยของปี 2565 โดยหลักจากรายจ่ายค่าภาคหลวงต่อหน่วยที่ลดลงจากสัดส่วนปริมาณขายของโครงการภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิตที่มากขึ้น รวมถึงราคาขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ปรับลดลงและค่าเสื่อมราคาต่อหน่วยที่ลดลง ส่งผลให้ EBITDA margin ในไตรมาส 3 ปี 2566 และปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 70-75%

ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปีนี้ ปตท.สผ. มีรายได้รวม 4,359 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 148,932 ล้านบาท โดยมีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 452,799 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 446,519 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ส่วนใหญ่มาจากการผลิตปิโตรเลียมในประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทสามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ, ปลาทอง, สตูล, ฟูนาน) ขึ้นมาอยู่ที่ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงปลายไตรมาส 2/2566 ตามแผนงาน เพื่อสนองตอบต่อแนวทางของภาครัฐในการลดผลกระทบด้านต้นทุนพลังงานให้กับประชาชน รวมทั้ง ยังเร่งการเจาะหลุมผลิต และติดตั้งแท่นหลุมผลิตเพิ่มเติมอีกจำนวน 4 แท่นภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซฯ ให้ได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือนเมษายน 2567 ตามเงื่อนไขในสัญญาแบ่งปันผลผลิต