“ปทุมธานี” เตือนประชาชนพื้นที่ริมเจ้าพระยา หลังเขื่อนเพิ่มการระบายน้ำ

345
0
Share:

“ปทุมธานี” เตือนประชาชนพื้นที่ริมเจ้าพระยา หลังเขื่อนเพิ่มการระบายน้ำ น้ำท้ายเขื่อนจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.30 – 1.00 เมตร ให้เตรียมพร้อมรับมือ 24 ชั่วโมง
.
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี ได้ออกประกาศผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานี เตือนประชาชนให้ระมัดระวัง และให้ทุกอำเภอ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฝนตกหนักหรืออาจเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ จ. ปทุมธานี ด้วยกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานี ได้รับแจ้งจากกรมชลประทาน ว่าที่ผ่านมามีฝนตกสะสม ต่อเนื่องบริเวณประเทศไทยตอนบน และกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 26 – 30 กันยายน 2564 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงไปพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ทําให้ยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคกลาง และส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงเหนือเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราเพิ่มมากขึ้น
.
โดยคาดการณ์ปริมาณน้ำไหลผ่าน สถานีวัดน้ำจังหวัดนครสวรรค์ ประมาณ 2,400 – 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งกรมชลประทาน ได้ใช้การบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งตัดยอดน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำทั้งสองฝั่ง แต่ยังคงจําเป็นต้องปรับเพิ่มปริมาณน้ำ ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ระหว่าง 2,000 – 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะค่อยๆ ทยอยเพิ่มการระบายน้ำเป็นลําดับ ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 0.30 – 1.00 เมตร ในช่วงวันที่ 26 – 29 กันยายน 2564
.
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสถานรณภัยจังหวัดปทุมธานี พิจารณาแล้วเพื่อเป็นการเตรียม ความพร้อมรับสถานการณ์ดังกล่าว ขอให้ท่านดําเนินการ ดังนี้
.
1. ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เกษตรกร ที่ประกอบอาชีพประมง เพาะปลูก หรือเลี้ยงสัตว์บริเวณริมแม่น้ําเจ้าพระยา บริษัทห้างร้าน ที่ประกอบกิจการ ในแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิเช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น ร่วมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทราบถึงสถานการณ์น้ำปัจจุบัน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
.
2. กําชับผู้อํานวยการท้องถิ่นในพื้นที่ให้เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ข้อมูลข่าวสารตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ที่น้ำตอนบนไหลผ่าน (น้ำเหนือ) และมีฝนตกสะสม พร้อมทั้งประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องในพื้นที่เตรียมความพร้อม กําลังพล วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักร และยานพาหนะ ให้พร้อมปฏิบัติงาน อํานวยความสะดวก และให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง
.
3. หากเกิดสาธารณภัยขึ้นในพื้นที่ให้รายงานสถานการณ์ และการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ให้กองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทราบทันที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-581-3120
.
4. ให้แจ้งผู้อํานวยการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ทราบ และถือปฏิบัติ