ปธน.ลาวยอมรับประเทศติดหนี้เงินกู้จีน แต่ตื้นตันใจรถไฟเร็วสูงถึงลาว

419
0
Share:

ประธานาธิบดีสปป.ลาว นายทองลุน สีสุลิด กล่าวกับนักข่าวในงานการประชุมนิกเคอิ ฟิวเจอร์ ออฟ เอเชีย วันนี้ว่า คนที่ไม่เห็นด้วยกับรถไฟความเร็วสูงจากจีนถึงสปป.ลาว เป็นเพราะพวกเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของประชาชนสปป.ลาว ที่ภาคภูมิใจว่าประเทศมีรถไฟความเร็วสูงครั้งแรก สิ่งนึ้จะช่วยทำให้เกิดผลประโยชน์ต่อความพยายามในการเปลี่ยนแปลงประเทศสปป.ลาวจากเดิมเป็นแผ่นดินปิดล็อกมาเป็นแผ่นดินเชื่อมต่อ และสิ่งนี้เป็นอะไรบางอย่างที่คนจำนวนมากรู้สึกภาคภูมิใจ

รถไฟความเร็วสูงที่เปิดใช้บริการจากนครหลวงเวียงจันทร์ สปป.ลาว ไปถึงคุณหมิง มณฑลยูนนาน จีนแผ่นดินใหญ่ ได้ส่งผลอย่างมากมายกับเศรษฐกิจของสปป.ลาว และแน่นอนว่าจะให้อนาคตที่ดีกว่าสำหรับสปป.ลาว

นักท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้ากับประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศไทยมีจำนวนมากขึ้นหลังจากบริการเดินทางของผู้โดยสารข้ามพรมแดนเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนเมษายนผ่านมา

นายทองลุน สีสุลิด ประธานาธิบดีสปป.ลาว กล่าวยอมรับว่า ไม่ได้ปฏิเสธว่าประเทศสปป.ลาวมีหนี้เงินกู้ โดยเฉพาะหนี้ที่เกิดขึ้นกับประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ นอกจากนี้ ยอมรับว่าประเทศติดหนี้เงินกู้ภายนอกจากต่างประเทศมีจำนวนมากมาย แต่จำนวนหนี้เงินกู้ยังสามารถจัดการได้สำหรับประเทศสปป.ลาว และจำนวนหนี้เงินกู้ที่มากมายนั้นไม่ได้มากมายเหมือนกับในบางประเทศกำลังเผชิญปัญหานั้นอยู่

ประเทศสปป.ลาวกู้เงินจากต่างประเทศหลายแห่ง เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม รวมถึงสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย หรือเอดีบี แต่สปป.ลาวก็ได้คำนวนความสามารถในการจ่ายหนี้คืนให้กับประเทศเจ้าหนี้ก่อนที่จะได้ทำการกู้ยืมเงิน

ขณะที่ธนาคารโลก หรือ World Bank เปิดเผยว่า ประเทศสปป.ลาวตกอยู่ในความเสี่ยงสูงมากกับความสามารถในการชำระหนี้คืนเจ้าหนี้ต่างประเทศ โดยสัดส่วนของหนี้เงินกู้ส่วนใหญ่ผูกติดกับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่

รถไฟความเร็วสูงเป็นโครงการที่ก่อสร้างและเสร็จสิ้นจนกระทั่งเปิดใช้บริการในขณะที่เศรษฐกิจสปป.ลาวตกต่ำอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันดิบตลาดโลกมีราคาแพงในช่วงกว่า 1 ปีผ่านมา และอัตราแลกเปลี่ยนเงินกีบเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐดำดิ่งอย่างรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากรัสเซียเปิดฉากทำสงครามรุกรานประเทศยูเครน

เงินกีบอ่อนค่าอย่างรวดเร็วในรอบปีที่ผ่านมาจากอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดทั่วไปราว 280- 310 กีบต่อ 1 บาท เมื่อต้นปี 2565 มาอยู่ที่ 600 กีบ ต่อ 1 บาท ในช่วงปลายปี 2565

ทั้งนี้ เมื่อตุลาคมปีที่แล้ว ศูนย์สถิติแห่งชาติ สปป.ลาว รายงานอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนกันยายน 2565 ยังคงพุ่งขึ้นสร้างสถิติสูงสุดใหม่ โดยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า (ก.ย.2564) อัตราเงินเฟ้อลาวพุ่งสูงขึ้นถึง 34% เนื่องจากสินค้าทุกหมวดได้ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งหมดกลายเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่หนักหน่วงของประเทศสปป.ลาว