รมว.ยุติธรรม อนุมัติปรับปรุงห้องแล็บสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นห้องตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19

923
0
Share:
รมว.ยุติธรรม อนุมัติปรับปรุงห้องแล็บสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นห้องตรวจหาเชื้อไวรัส โควิด-19

 

สมนายศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยนโยบายสนับสนุนแนวทางยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ประกาศไปก่อนหน้า ด้วยการปรับปรุงห้องแล็บของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ให้เป็นห้องตรวจค้นหาเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยได้สั่งการไปยังปลัดกระทรวงยุติธรรม และผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ให้เร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไข เบื้องต้นจะใช้เวลาดำเนินการอย่างเร็วที่สุดคือ 1-2 สัปดาห์ หลังจากนั้นบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขจะเข้าตรวจสอบความพร้อม และออกใบรับรอง เพื่อใช้ห้องแล็บดังกล่าว เพื่อสนับสนุนการตรวจหาเชื้อต่อไป 

.
ห้องแล็บในสถาบันนิติวิทยาศาสตร์นั้น สามารถตรวจคัดกรองและตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขมอบหมายได้ถึงวันละ 200 เคส โดยบุคลากรของสถาบันฯ ที่มีความเชี่ยวชาญจะเป็นผู้ดำเนินการตรวจ พร้อมย้ำว่าทางแล็บมีความพร้อมในเรื่องของการตรวจหาเชื้อที่เป็นมาตรฐานทางการแพทย์ ทั้งวิธีตรวจสารพันธุกรรมของไวรัส หรือเรียลไทม์ พีซีอาร์ และวิธีตรวจแบบเจาะเลือด หรือราพิด เทสต์ ส่วนเรื่องที่หลายฝ่ายกังวลว่าชุดน้ำยาตรวจอาจมีไม่เพียงพอต่อการตรวจคัดกรอง และอาจเป็นอุปสรรคให้งานล่าช้านั้น ทางตนได้ประสานงานร่วมกันระหว่างปลัดกระทรวงยุติธรรม และปลัดกระทรวงสาธารณสุขหาเพื่อหาวิธีการแก้ปัญหาแล้ว
.
นอกจากนั้นยังเน้นย้ำว่า การปรับปรุงห้องแล็บของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เป็นไปเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้การทำงานของกระทรวงสาธารณสุขมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่มีห้องแล็บเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในกทม. จำนวน 28 แห่ง หากเพิ่มส่วนของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์อีกแห่งจะรวมไปเป็น 29 แห่ง ทำให้มีความรวดเร็วมากขึ้น อย่างไรก็ตามการเปิดแล็บดังกล่าว จะเป็นการทำงาน เพื่อสนับสนุนตามที่กระทรวงสาธารณสุขมอบหมาย และไม่ได้เปิดเป็นสถานที่ เพื่อให้ประชาชนที่สงสัย หรือเข้าข่ายติดเชื้อเดินทางมาตรวจ
.
ทั้งนี้ หากแล็บดังกล่าวผ่านการรับรอง จะสามารถช่วยให้การตรวจบุคคลที่คาดว่าจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่อยู่ในเครือข่ายของกระทรวงยุติธรรม เช่น กลุ่มนักโทษ เป็นไปได้รวดเร็วมากขึ้น ส่งผลให้การยับยั้งการแพร่ระบาด หรือการนำตัวไปรักษา ทำได้อย่างทันท่วงทีมากยิ่งขึ้น ซึ่งแนวทางที่จะเกิดขึ้นถือว่าเป็นผลดีต่อการกระชับพื้นที่การแพร่กระจายหรือระบาดของโรคตามมาตรการของรัฐบาลแน่นอน