ปั้มเอสโซ่และคาลเท็กส์ขึ้นราคาน้ำมันอีกลิตรละ 60 สตางค์

315
0
Share:

ปั้มเอสโซ่และคาลเท็กส์ขึ้นราคาน้ำมันอีกลิตรละ 60 สตางค์ ทิ้งห่างปตท.-บางจาก แต่ตามหลังเชลล์ มีผลวันนี้ทันที
.
วันนี้ 7 ตุลาคม 2564 บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด เจ้าของปั้มน้ำคาลเท็กซ์ ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปทุกชนิดลิตรละ 60 สตางค์ ในขณะที่บริษัท เอสโซ่ ประเทศไทย ประกาศปรับขึ้นเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 60 สตางค์ มีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันนี้ 7 ตุลาคม 2564
.
ส่งผลให้ราคาขายปลีกของปั้มน้ำมันคาลเท็กซ์มีดังนี้(บาท/ลิตร)
.
แก๊สโซฮอล์ 95: 31.75
แก๊สโซฮอล์ 91: 31.48
แก๊สโซฮอล์ อี20: 30.24
ดีเซล บี7: 30.89
ดีเซล บี10: 28.89
ดีเซล บี20: 28.64
ขณะที่ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลของเอสโซ่มีดังนี้
ดีเซล บี7: 30.89
ดีเซล บี10: 28.89
.
เมื่อเปรียบเทียบกับราคาน้ำมันขายปลีกปั้มยี่ห้ออื่นๆ ส่งผลให้ราคาน้ำมันของทั้ง 2 ปั้ม ได้แก่ คาลเท็กซ์ในวันนี้มีราคาสูงกว่าปั้มปตท. และบางจาก 60 สตางค์ต่อลิตร อย่างไรก็ตาม ปั้มเอสโซ่มีเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลสูงกว่าปั้มปตท. และบางจาก 60 สตางค์ต่อลิตร ทั้งนี้ ปั้มน้ำมันเชลล์ ประเทศไทย ยังคงมีราคาขายปลีกสูงที่สุดกว่าทุกปั้มในประเทศไทย
.
สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกนั้น เมื่อคืนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 77.43 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.9% ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 81.08 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.48 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.79% อย่างไรก็ตามในช่วงระหว่างการซื้อขายนั้น ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ และเบร็นท์ อังกฤษทะเลเหนือ พุ่งสูงแตะ 79.78 และ 83.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษทะเลเหนือ มีราคาสูงสุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ตุลาคม 2018 และไนเม็กซ์ สหรัฐ สูงสุดในรอบ 7 หรือตั้งแต่พฤศจิกายน 2014
.
สาเหตุจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกากลับเพิ่มขึ้นอย่างผิดความคาดหมาย โดยคาดว่าจะลดลง 418,000 บาร์เรล แต่กลับเพิ่มขึ้นมากถึง 2.3 ล้านบาร์เรล ท่ามกลางปัจจัยบวกที่ยังคงกดดันราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว เช่น คณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค กลุ่มโอเปกพลัส รายงานว่า คาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบตลาดโลกในปีนี้จะขาดหายไป 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
.
นอกจากนี้ กลุ่มโอเปกพลัสมีมติยึดตามข้อสรุปเดิมเมื่อเดือนกรกฎาคมของสมาชิกในการผลิตน้ำมันดิบในเดือนพฤศจิกายนวันละ 400,000 บาร์เรล ไปจนถึงเดือนเมษายน 2565 ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ยังคงเป็นกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ไม่สามารถลดแรงกดดันของราคาที่พุ่งสูงได้