ปิดสวนทาง! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 160 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งขึ้นเหนือ 86 ดอลล์

193
0
Share:
ปิดสวนทาง! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดร่วงกว่า 160 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งขึ้นเหนือ 86 ดอลล์

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,721 จุด -168 จุด หรือ -0.48% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,507 จุด -7 จุด หรือ -0.16% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 14,034 จุด +15 จุด หรือ +0.11% ในเดือนสิงหาคม ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดลดลง -2.36%, -1.77% และ -2.17% ตามลำดับ

สาเหตุจากนักลงทุนประเมินแรงกดดันขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอาจยังมีอยู่บ้าง หลังจากตัวเลขบริโภคส่วนบุคคลชาวอเมริกันขั้นพื้นฐานมนเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นตัวเลขที่ธนาคารสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญมากที่สุดในการประเมินทิศทางเงินเฟ้อและดอกเบี้ยระยะสั้น พบว่าเพิ่มขึ้น 0.2% และเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ และเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมาตามลำดับ ในขณะที่คืนวันนี้ นักลงทุนรอการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนกรกฎาคมของสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 170,000 คน

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 83.63 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.00 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.5% ส่งผลราคาน้ำมันดิบขึ้น 6 วันติดกันรวม +4.77 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 86.86 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.00 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.2% ส่งผลราคาน้ำมันดิบขึ้น 2 วันติดกันรวม +1.37 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สำหรับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ ไนเม็กซ์ นิวยอร์ค และเบร็นท์ อังกฤษ ในเดือนสิงหาคม พบว่า ปิดเพิ่มขึ้น +2.2% และ 1.5% ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังเป็นราคาน้ำมันดิบตลาดโลกรายเดือนที่ปิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

สาเหตุจากนักลงทุนประเมินความเป็นไปได้สูงมากที่กลุ่มโอเปกพลัสจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบวันละ 1 ล้านบาร์เรลต่อเนื่องจากเดิมที่สิ้นสุดในเดือนกันยายนไปเป็นเดือนตุลาคมปีนี้

ก่อนหน้านี้ปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาลดต่ำลงมากถึง 10.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับแข็งค่าขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลกับทิศทางดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ขณะที่พายุโซนร้อนอิดาเลียกำลังเคลื่อนขึ้นฝั่งในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งคาดว่าอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐอเมริกาเมื่อพายุดังกล่าวขึ้นฝั่ง

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,945.81 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ลดลงเล็กน้อย ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,965.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -8.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.39% ส่งผลให้ราคาทองคำตลาดโลกในเดือนสิงหาคม ปิดลดลง -2.16% และยังเป็นราคาทองคำรายเดือนที่ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันด้วย

เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากในคืนผ่านมา ตัวเลขบริโภคส่วนบุคคลชาวอเมริกันขั้นพื้นฐานในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นตัวเลขที่ธนาคารสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญมากที่สุดในการประเมินทิศทางเงินเฟ้อและดอกเบี้ยระยะสั้น พบว่าเพิ่มขึ้น 0.2% และเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ และเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมาตามลำดับ โดยเฉพาะตัวเลขเทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว พบว่าเพิ่มจากเดือนมิถุนายนที่เคยอยู่ที่ระดับ 3.0%

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่าขึ้นจากที่เคยทำสถิติอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี กลับเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญดังกล่าวในคืนผ่านมา

ขณะนี้ ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกันยายน ลดลงจากระดับ 91% มาอยู่ที่ 91% 88.5% ขณะที่โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 56%