ปีเสือดันต้นทุนวัสดุก่อสร้างขึ้นราคายกแผง แนะจับกลุ่มคนรุ่นใหม่เจน Z ขยายตลาดใหม่

461
0
Share:

ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ หรือ EIC เปิดเผยว่า ปริมาณการใช้วัสดุก่อสร้างในปี 2022 มีแนวโน้มเติบโต ท่ามกลางความท้าทายด้านราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นไปตามต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวพุ่งสูงขึ้น เช่น เหล็ก ปูน กระเบื้อง สี เป็นต้น

เหล็ก ปริมาณการบริโภคเหล็กทรงยาว และทรงแบนในปี 2022 มีแนวโน้มอยู่ที่ 6.6 ล้านตัน (+3%) และ 12.9 ล้านตัน (+5%) ทั้งหมดเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 64 ตามลำดับ โดยมีปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของภาคก่อสร้าง การผลิตรถยนต์ และการผลิตสินค้าอื่นๆ ที่มีการใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบ ขณะที่ราคาเหล็กทรงยาว และทรงแบนไทยปี 2022 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 30.2 บาท/กิโลกรัม (+19%) และ 36.3 บาท/กิโลกรัม (+15%) ทั้งหมดเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 64 ตามลำดับ ตามลำดับ

ปูนซีเมนต์ ปริมาณการบริโภคปูนซีเมนต์ในประเทศในปี 2022 มีแนวโน้มเติบโต 2% เทียบกับช่วงเดียวกันในปี 64 มาอยู่ในระดับ 35.1 ล้านตัน โดยมีปัจจัยหนุนจากการขยายตัวจากการก่อสร้างภาครัฐ ขณะที่การก่อสร้างภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อย รวมทั้งปริมาณการส่งออกปูนซีเมนต์และปูนเม็ดฟื้นตัว 5% เทียบกับช่วงเดียวกันในปี 64 ตามลำดับ แตะระดับ 12.4 ล้านตัน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก สำหรับราคาปูนซีเมนต์ในปี 2022 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น 8% เทียบกับช่วงเดียวกันในปี 64 มาอยู่ที่ 1,753 บาท/ตัน

• กระเบื้อง : ปริมาณการบริโภคกระเบื้องปูพื้นบุผนังในไทยในปี 2022 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1% เทียบกับช่วงเดียวกันในปี 64 มาอยู่ที่ 227 ล้านตารางเมตร โดยได้อานิสงส์ทั้งจากการก่อสร้างภาคเอกชนที่มีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อย ตามการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัย และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ รวมทั้งงานซ่อมแซมอาคาร และที่อยู่อาศัย ขณะที่การนำเข้ากระเบื้องอาจชะลอตัวจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นตามราคาพลังงาน สะท้อนโอกาสของผู้ผลิตกระเบื้องในประเทศ ที่จะมีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น

• สีทาอาคาร : มูลค่าตลาดสีทาอาคารในปี 2022 มีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อย 2% เทียบกับช่วงเดียวกันในปี 64 อยู่ที่ระดับ 19,000 ล้านบาท โดยได้อานิสงส์ทั้งจากการก่อสร้างภาคเอกชนที่มีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อย รวมทั้งงานซ่อมแซมอาคาร และที่อยู่อาศัย โดยราคาพลังงานที่ปรับตัวพุ่งสูงขึ้นทำให้ผู้ผลิตยังต้องเผชิญกับราคาวัตถุดิบจำพวกสารสีมีราคาสูงขึ้น ส่งผลกระทบให้อัตรากำไรของผู้ประกอบการมีแนวโน้มลดลง

EIC จึงมองว่า ผู้ประกอบการก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้างอาจปรับกลยุทธ์รับมือต้นทุนที่ปรับตัวพุ่งสูงขึ้น ดังนี้ ผู้ประกอบการก่อสร้าง ทำสัญญาสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้าอย่างสอดคล้องกับความต้องการใช้ หลีกเลี่ยงการเข้าประมูลแบบแข่งขันด้านราคา เพื่อลดโอกาสในการขาดทุนในภาวะที่ต้นทุนก่อสร้างพุ่งสูงขึ้น รวมถึงนำเทคโนโลยีก่อสร้างมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง และลดต้นทุน ทั้งต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และแรงงาน

ด้านผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้าง บริหารจัดการการผลิต และสต็อกอย่างสอดคล้องกับปริมาณคำสั่งซื้อ ผลิตสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมถึงขยายฐานลูกค้าผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นผู้อยู่อาศัยกลุ่มใหม่และมีศักยภาพจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการบริโภคภาคเอกชน หมวดการซ่อมแซมและตกแต่งครัวเรือนได้

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างจะเผชิญกับความท้าทายในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อลดการปล่อย CO2 ประกอบกัน ทั้งผู้ประกอบการเหล็กอาจเร่งนำเทคโนโลยีการหลอมเหล็กด้วยเตาอาร์คไฟฟ้ามาใช้ รวมถึงผู้ประกอบการปูนซีเมนต์อาจใช้พลังงานทดแทนอื่นๆ เพื่อลดสัดส่วนการใช้พลังงานจากถ่านหิน และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก โดยพัฒนาตามมาตรการทดแทนปูนเม็ดเพื่อลดการปล่อย CO2