ผลสำรวจชี้คนไทยกังวลเศรษฐกิจเข้าภาวะถดถอยที่สุดในอาเซียนจากเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยสูง

298
0
Share:
ผลสำรวจชี้ คนไทย กังวล เศรษฐกิจ เข้าภาวะถดถอยที่สุดในอาเซียนจากเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยสูง

“อิปซอสส์” ผู้ดำเนินการวิจัยตลาดและสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคครบวงจร ได้ศึกษา “ความกังวลสูงสุดของประชากรโลก และไทย” หรือ What Worries the World – What worries Thailand ใน 30 ประเทศทั่วโลก เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย สิงคโปร์ ฯ ส่วนไทย การสำรวจตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ผ่านกลุ่มประชากรตัวอย่างจำนวน 6,000 คน อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ครอบคลุมประชากรศาสตร์ทั่วไทย ผลของรายงาน ประกอบด้วยข้อมูล 3 ส่วน สำคัญ ได้เแก่ ความกังวลด้านสังคม เศรษฐกิจ และการปรับใช้แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน(ESG) ในภาคธุรกิจ

อุษณา จันทร์กล่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิปซอสส์ จำกัด เปิดเผยว่า ผลการวิจัยผู้บริโภคระดับโลก ในช่วง 15 เดือนที่ผ่านมา “เงินเฟ้อ” เป็นตัวแปรใหญ่สุดที่ผู้คนวิตกกังวล โดยเฉพาะฝั่งสหรัฐฯ ที่เผชิญอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับประเทศไทย ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ความกังวลใจ 5 อันดับแรก คือ
1. คนไทย 40% กังวลมากสุดคือด้านการเงิน การจับจ่ายใช้สอย การเมือง และปัญหาการคอร์รัปชั่น ซึ่งถือเป็นปมปัญหาที่อยู่ในใจมาหลายปีต่อเนื่องกัน
2. 39% มีความกังวลเกี่ยวกับความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาสังคม
3. 29% ยังกังวลภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีนโยบายดูแลเงินเฟ้อไม่ให้เกินระดับ 4% ก็ตาม
4. 26% กังวลอัตราการว่างงานอีกครั้ง ปัจจัยสำคัญคือการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีต่างๆ เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่อาจเข้มามาแทนที่ในตำแหน่งงานที่ตัวเองทำอยู่
และ 5. 25% กังวลใจเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรม ความรุนแรง หากจะลดทอน หรือคลายความวิตกประเด็นนี้ได้ การบังคับใช้กฎหมายต้องมีความเข้มข้นกับผู้กระทำผิดมากขึ้น
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ เจาะลึก 2 มิติ ที่คนไทยกังวลใจอย่างยิ่ง คือ “ภาวะเศรษฐกิจ” และ “สังคม” โดย ด้านเศรษฐกิจถือว่าเกี่ยวข้องกับรายได้ ปากท้อง ชีวิตและความเป็นอยู่ของทุกคนโดยตรง และจากสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ทำให้คนไทย 57% ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศห้วงเวลาปัจจุบัน “เลวร้าย” ยิ่งกว่านั้น 72% ยังมองว่าประเทศกำลังอยู่ในภาวะ “ถดถอย” ด้วย สูงสุดในอาเซียน และสูงกว่าความกังวลของค่าเฉลี่ยประชากรโลกซึ่งมีเพียง 49% ที่มองการถดถอยเกิดขึ้น โดยประชากรโลก ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยมากสุด อันดับ 1 คือประชาชนเกาหลีใต้ คิดเป็น 79% อันดับ 2 ประชากรญี่ปุ่น คิดเป็น 63% อันดับ 3 ประชากรไทย คิดเป็น 72% อันดับ 4 ประชากรมาเลเซีย คิดเป็น 62% และอันดับ 5 ประชากรอินเดีย คิดเป็น 44%

“ตอนนี้คนไทยมองเศรษฐกิจไม่ดี เงินฝืดเคืองไปหมด เกิดภาวะ Recession ทำให้ผู้บริโภคต้องระวังการใช้จ่าย ไม่บริโภคเกินตัว ซื้อสินค้าที่จำเป็นและแบรนด์ที่คุ้นเคย แบรนด์ใหม่เสี่ยงไม่ตรงปก ซื้อแล้วเสียเงินฟรี และปัญหานี้อาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าด้วย”

โดยสาเหตุเกิดจาก 2 ตัวแปรสำคัญ ได้แก่ “เงินเฟ้อ” ซึ่งผู้บริโภคคาดการณ์ครึ่งปีหลัง 2566 จะเห็นแนวโน้มการพุ่งขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนชีวิตเพิ่ม รวมถึงเศรษฐกิจไทยพึ่งการท่องเที่ยวมาก แต่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจีนยังไม่กลับเข้ามา หรือไปเที่ยวประเทศอื่นแทนไทย

นอกจากนี้ ประเด็นความวิตกกังวลเรื่อง “ค่าครองชีพที่สูงขึ้น” ยังเป็นเงาตามตัว เมื่อเศรษฐกิจ สังคม การเมืองเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทำให้มอง 6 เดือนข้างหน้า ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น โดยคนไทย 65% เชื่อว่าค่าสาธารณูปโภค ทั้งแก๊ส ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ฯลฯ จะเพิ่มขึ้น เทียบค่าเฉลี่ยความกังวลของประชากรโลกอยู่ที่ 71% ตามด้วย 65% ของคนไทยมองราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน ฯลฯ จะเพิ่มขึ้น สูงกว่าค่าเฉลี่ยความกังวลของประชากรโลกอยู่ที่ 60% และคนไทย 64% คาดว่าค่าใช้จ่ายเพื่อซื้ออาหารจะเพิ่มขึ้น ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยความกังวลของประชากรโลกอยู่ที่ 67% เนื่องจากบางประเทศ เช่น สหรัฐ เผชิญเงินเฟ้อสูงกว่า เป็นต้น

ซึ่งจากความกังวลเรื่องเหล่านี้ เกิดจากความไม่แน่นอน และมองว่ารัฐจะไม่มีมาตรการอุดหนุนราคาพลังงาน ค่าไฟฟ้า เมื่อเจอกับเงินเฟ้อสูง ทำให้เงินในกระเป๋าลดลง ดังนั้นจึงต้องการให้ภาครัฐขยายเวลาตรึงราคาพลังงานออกไป เพื่อลดผลกระทบค่าครองชีพด้วย

อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจถดถอย คนไทยจะประคับประคองชีวิตอย่างไรให้อยู่รอดในอนาคตอันใกล้ อุษณา ระบุว่า ผลวิจัยพบ 25% มองการจัดการด้านการเงินตะกุกตะกัก หามาได้ใช้หมดไปแต่ละวัน แต่ยังมี “มุมมองบวก” จากคนไทย 64% เชื่อมั่นว่าภายใน 1 ปีข้างหน้าสถานการณ์ทุกอย่างจะ “ดีขึ้น”