ผู้ประกอบการอสังหาฯ มองแบงก์ชาติเลิกผ่อนเกณฑ์ LTV ซ้ำเติมตลาด แนะขยายมาตรการต่อ 1 ปี

320
0
Share:
ผู้ประกอบการอสังหาฯ มองแบงก์ชาติเลิก ผ่อนเกณฑ์ LTV ซ้ำเติมตลาด แนะขยายมาตรการต่อ 1 ปี

จากการที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ประกาศไม่ต่อมาตรการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2565 และปีหน้าจะกลับไปใช้เกณฑ์เดิมตามปกติ เนื่องจากเห็นว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวเริ่มทยอยฟื้นตัว สะท้อนจากยอดจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์บ้านคอนโดมิเนียมใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด จึงประเมินได้ว่ามาตรการผ่อนคลายฯมีความจำเป็นลดลง ขณะเดียวกันประชาชนกู้สินเชื่อส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มที่ซื้อบ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาท ที่สามารถขอสินเชื่อบ้านอยู่ในระดับสูงเต็ม 100% อยู่แล้ว

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การที่ธปท.ไม่ขยายมาตรการ LTV มองว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ควรจะรอให้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนกว่านี้ อีกทั้งยังเป็นนโยบายไม่สอดคล้องกับภาครัฐที่ต้องการจะกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งล่าสุดจะเปิดให้ต่างชาติซื้อบ้านและที่ดินได้ 1 ไร่ ซึ่งคาดว่ากลุ่มประชาชนระดับกลาง-ล่าง ที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่มีเงินออม ซึ่งต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคา 3-5 ล้านบาท จะได้รับผลกระทบมาก เพราะทำให้เข้าถึงการขอสินเชื่อได้ยากขึ้น เพราะตลาดระดับบนส่วนใหญ่ซื้อเงินสดและเป็นชาวต่างชาติที่ซื้อ ปัจจุบันผู้ประกอบการรายใหญ่รวมถึงอนันดาเองได้ปรับตัวมาทำตลาดระดับบนมากขึ้น อย่างไรก็ตามผลจากการที่ธปท.กลับมาใช้มาตรการ LTV จะทำให้ตลาดฟื้นตัวกระจุกเฉพาะรายใหญ่ จะซ้ำเติมรายกลางและรายเล็ก

ขณะที่นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC)กล่าวว่า กลุ่มผู้ซื้อบ้านใหม่พร้อมอยู่ หรือบ้านมือสองในปีหน้าจะได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นกัน เนื่องจากไม่มีระยะเวลาสำหรับให้ผ่อนดาวน์บ้านเหมือนบ้านใหม่ การซื้อบ้านของผู้ซื้อกลุ่มนี้จึงต้องหาเงินเป็นก้อนมาประมาณ 20% ของราคาบ้าน และอาจเกิดกรณีที่ผู้ซื้อบ้านต้องไปกู้มาจากสินเชื่อระยะสั้นหรือแหล่งเงินกู้นอกระบบ จะทำให้เกิดปัญหากระทบต่อการผ่อนชำระและเป็น NPL ในอนาคตได้ในท่ามกลางปัจจัยลบที่มีมากในปีนี้และปีหน้า

ด้านนายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) และนายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า มีทั้งผลบวกและลบ ผลบวกจะเป็นตัวเร่งให้คนตัดสินใจซื้อบ้านเร็วขึ้นโดยเฉพาะบ้านพร้อมอยู่พร้อมโอน ทำให้มียอดโอนมากขึ้นในไตรมาส4 นี้ แต่เป็นแค่ระยะสั้นๆ ส่วนผลกระทบจะทำให้กำลังซื้อในตลาดชะลอ โดยเฉพาะคนซื้อบ้านหลังที่2 หลังที่3 และบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปกู้ได้น้อยและกู้ได้ยากขึ้น จากปีนี้กู้ได้ 100%

อย่างไรก็ตามในปี 2566 จะมีกำลังซื้อจากต่างชาติเข้ามาช่วย หลังรัฐบาลเปิดให้ซื้อบ้านและที่ดินได้ 1 ไร่ หากนำเงิน 40 ล้านบาทมาลงทุนใน 3 ปี และคาดว่าจะเป็นบ้านในระดับราคา 20 ล้านบาทบวกลบที่ต่างชาติจะซื้อ จะทำให้ภาพรวมตลาดบ้าน 10 ล้านบาทขึ้นไปไม่กระทบมากนัก แม้ตลาดคนไทยจะลดลง แต่มีตลาดต่างชาติเข้ามาช่วย รวมถึงตลาดคอนโดมิเนียมที่คนซื้อเป็นบ้านหลังที่2 หลังที่3 ด้วย