ผู้ว่าธปท.ยันไทยไม่ต้องพึ่งเงินกู้ IMF

631
0
Share:

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงภาคเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นฟูแบบค่อยเป็นค่อยไป และกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ปลายปี 2564 แต่ยังไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เหมือนที่ผ่านมา
.
เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจมหภาคของไทยยังแข็งแกร่งต่างจากตอนวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 และวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ โดยปัจจุบันไทยมีเกินดุลบัญชีเดินสะพัดค่อนข้างสูง มีการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศค่อนข้างต่ำ ขณะที่สถาบันการเงินไทย มีการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่แข็งแกร่ง เงินกองทุนสูง และมีการตั้งสำรองค่อนข้างมาก รวมถึงมีมาตรฐานบัญชีที่ดี
.
ที่สำคัญวิกฤติรอบนี้ไม่มีนโยบายใด นโยบายหนึ่งที่จะแก้ไขได้ แต่ต้องประสานนโยบายและหยิบทุกเครื่องมือที่ภาครัฐมีมาใช้ ซึ่งในภาคการเงิน ธปท.ได้ประสานความร่วมมือกับสถาบันการเงิน ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกหนี้รายย่อย ทั้งการออกมาตรการยืดเวลาการชำระหนี้ การพักชำระหนี้ การลดอัตราดอกเบี้ย
.
สำหรับสิ่งที่กังวลมากที่สุด คือ เรื่องการจ้างงาน เนื่องจากสถานการณ์โควิด ส่งผลกระทบต่อภาคบริการ และภาคการผลิต ซึ่งมีการจ้างงานในระดับสูง หลายคนตกงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมองในระยะยาว หากกลุ่มดังกล่าวไม่สามารถกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานในโลกใหม่ได้ จะทำให้เกิดผลกระทบระยะยาวในอนาคต
.
นอกจากนี้ภาคการท่องเที่ยวคงไม่ได้กลับมา 40 ล้านคนในช่วง 1-2 ปีนี้ อุตสาหกรรมอาจใช้หุ่นยนต์มากขึ้น กลุ่มนักศึกษาจบใหม่ จะเข้าตลาดแรงงานจะยากมากขึ้น ถือเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นจะทำอย่างไรเกี่ยวกับการสร้างงานเพื่อรองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
.
ส่วนความคืบหน้าของพ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือ ซอฟต์โลน ถือเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟู ซึ่งเบื้องต้น ธปท.เตรียมขยายระยะเวลาการให้เอสเอ็มอีกู้ได้ถึงสิ้นปี 2564 จากเดิมจะสิ้นสุดในปีนี้ นอกจากนี้ยังได้หารือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. เพื่อเข้ามาช่วยค้ำประกันให้ยาวขึ้น เนื่องจากตามพ.ร.ก.ดังกล่าว รัฐชดเชยความเสียหายเพียง 2 ปีแรกเท่านั้น