ผู้ว่าแบงก์ชาติมองเงินทุนไหลออกจากไทยน้อย ยอมรับขึ้นดอกเบี้ยกระทบกลุ่มคนไทยเปราะบางแน่

307
0
Share:

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาวิชาการ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ ประจำปี 2565 ว่า หากดูครัวเรือนที่มีความเปราะบางสูง ความจำเป็นเรื่องของเงินเฟ้อเป็นหน้าที่หลักของธนาคารหลักทุกประเทศ ซึ่งการดูแลเสถียรภาพเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่น และอยู่ในกรอบ 1.3% ในความหมายของยืดหยุ่น คือ ไม่ได้บอกว่าเงินเฟ้อต้องอยู่ในกรอบตลอด มันเป็นเรื่องของระยะปานกลาง บางช่วงอาจหลุดจากกรอบบ้าง แต่โดยรวมระยะยาวอยากให้อยู่ในกรอบที่วางไว้

นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับบริบทของเศรษฐกิจในบางจังหวะ สิ่งสำคัญต้องดูเรื่องกรอบเงินเฟ้อ ประกอบด้วย เงินเฟ้อ เศรษฐกิจ และเสถียรภาพรวมการเงิน โดยต้องชั่ง 3 เป้า เมื่อย้อนกลับไปตอนเผชิญปัญหาโควิดกระทบหนักก็ให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจมากกว่าเรื่องของเงินเฟ้อ แต่ตอนนี้ด้วยบริบทเศรษฐกิจที่เปลี่ยนการฟื้นตัวเศรษฐกิจมีความชัดเจนมากขึ้น

ขณะเดียวกันความเสี่ยงเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น น้ำหนักที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็ให้ดูแลเรื่องของเงินเฟ้อมากขึ้น เห็นได้จากผลการประชุมครั้งสุดท้ายของ กนง. ที่คณะกรรมการทั้ง 7 ท่าน มีเสียงโหวตออกมาเป็น 4:3 เสียง เรื่องของการคงดอกเบี้ย และสะท้อนถึงการดำเนินงานข้างหน้าว่าจะกระทำในทิศทางใด

ดังนั้น การทำนโยบายการเงินจะต้องค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งต่างจากเมืองนอกที่ต้องเหยียบเบรกแรง แต่ไทยต้องถอนคันเร่งน้อยลง จากที่ผ่านมาดอกเบี้ยไทยต่ำมาก และเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นดอกเบี้ยต่ำสุดในประวัติการณ์ จึงได้ปรับนโยบายการเงินกลับเข้าสู่สภาวะปกติ หากไม่ปรับผลข้างเคียงอาจเกิดความเสียหาย เช่น เราไม่เริ่มปรับดอกเบี้ยให้ใกล้เคียงสภาวะปกติมากขึ้นเงินเฟ้อจะไปไกลและคนที่เดือดร้อนคือกลุ่มเปราะบาง

อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้ายนั้น ยังไม่เห็นเงินทุนไหลออกมากมหาศาล และไม่เห็นที่เป็นผิดปกติ อีกทั้งถ้ามองไปข้างหน้าเป็นไปได้ที่เงินเหรียญสหรัฐจะกลับมาอ่อน ถ้าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเปลี่ยน รวมถึงความกังวลการคาดการณ์เฟดเปลี่ยนแปลง จากสถานการณ์กำลังผันผวนสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา