ผู้ว่าแบงก์ชาติยันหากท่องเที่ยวไทยไม่ฟื้น ไทยยากจะกลับไปสู่ภาวะปกติ

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เงินเฟ้อในภาพรวมของไทยจะยังคงอยู่ในเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยระหว่าง 1-3% ถึงแม้ว่าภาวะเงินเฟ้อในเดือนมกราคมที่ผ่านมา จะพุ่งสูงถึง 3.2% แต่แบงก์ชาติยังมองว่าประเทศไทยจะไม่เห็นอัตราเงินเฟ้อสูงเหมือนกับภาวะเงินเฟ้อที่ประเทศพัฒนาแล้วกำลังเผชิญในปัจจุบัน สาเหตุจากแรงกดดันของเงินเฟ้อในไทยมาจากพลังงาน และราคาอาหารหรือวัตถุดิบบางประเภท เช่น เนื้อหมู ส่วนในระยะยาวนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดกับแนวโน้มราคาพลังงานในตลาดโลก ราคาสินค้าและบริการในประเทศไทย และความเป็นไปได้ของแรงกดดันค่าจ้างที่จะเพิ่มขึ้น

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวต่อไปว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นนั้น อาจมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยกับประเทศไทย เนื่องจากความสามารถที่แข็งแกร่งของปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคของไทยยังคงรับมือปัจจัยภายนอกได้ ไทยดูจะอยู่ในจุดที่ดีมาก ไทยมีระดับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงมาก ไทยมีระดับหนี้ต่างประเทศต่ำ และดุลบัญชีเดินสะพัดก็สมดุล

อย่างไรก็ตาม นายนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ กล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยหลายอย่างนั้น ขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับภาวะการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รัฐบาลไทยก็มีความเป็นกังวลกับอนาคตของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ใหม่ ถ้าหากพบสายพันธุ์ใหม่ในช่วงฤดูหนาว หรือช่วงไฮซีซั่นปีนี้ นั่นจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กังวล

ทั้งนี้ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ เปิดเผยว่า ถ้าตลาดท่องเที่ยวไทยไม่ฟื้น คงเป็นสิ่งที่ยากจะกลับไปเห็นภาวะปกติ การจ้างงานในภาคการท่องเที่ยวในไทย ไม่ว่าจะเป็นทางตรง หรือทางอ้อม มีสัดส่วนการจ้างงานใกล้เคียง 1 ใน 5 หรือ 20% ของแรงงานไทยในระบบ ดังนั้น หากปราศจากการฟื้นตัวในการท่องเที่ยวของไทย จะเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับประเทศไทยที่จะกลับไปสู่ภาวะปกติ