ผู้ว่าแบงก์ชาติโวระบบการเงินไทยดี มีเสถียรภาพ วิงวอนธนาคารร่วมมือแก้หนี้ครัวเรือน

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ กล่าวว่า หากมองย้อนหลังกลับไป เราผ่านอะไรต่างๆ มาค่อนข้างมาก เช่น สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาก ปัญหาสถาบันการเงินในต่างประเทศ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของโลกพร้อมๆกันในระดับที่สูงอย่างที่ไม่เคยได้เห็นกันมานานแล้ว

อย่างไรก็ดี เราสามารถผ่านเรื่องเหล่านั้นมาได้ค่อนข้างดี โดยส่วนหนึ่งที่ทำให้เราผ่านไปได้ เป็นเพราะระบบสถาบันการเงิน ตลาดเงินและตลาดทุน ที่มีทั้งเสถียรภาพและสามารถทำงานได้ดี

เรื่องเสถียรภาพผมว่าเป็นอะไรที่สำคัญ แต่บางทีเราอาจไม่เห็นความสำคัญของมันจนกระทั่งมันหายไป ซึ่งมีตัวอย่างในต่างประเทศ คือ พอสถาบันการเงินประสบปัญหาปุ๊บ จากก่อนหน้านั้นที่ไม่มีใครให้ความสำคัญ แต่ตอนเกิดปัญหา ทุกคนจึงมาใส่ใจต่างๆ ส่วนเราเองได้รักษาเสถียรภาพของเรามาได้ดี และต้องบอกว่าดีมาก

นายเศรษฐพุฒิ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าระบบการเงินของไทยมีเสถียรภาพและทำหน้าที่ได้ดี เช่น ตัวเลขหนี้เสีย ซึ่งก่อนเกิดโควิดหนี้เสียอยู่ที่ 3% และเพิ่มขึ้นเป็น 3% กว่าในช่วงโควิดนั้น ขณะนี้หนี้เสียลดลงต่ำกว่า 3% แล้ว ขณะที่ตัวเลขเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามที่ธนาคารเพื่อการชำระธุรกรรมระหว่างประเทศ หรือบีไอเอส ของระบบธนาคารพาณิชย์ที่เคยอยู่ที่ 19% ในช่วงก่อนโควิด และลดลงบ้างในช่วงโควิด แต่สุดท้าย เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือ BIS ratio ก็กลับมาอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่ 19% และการปล่อยสินเชื่อยังขยายตัวได้

ไม่ใช่แค่เรื่องเสถียรภาพเท่านั้น การทำงานของระบบการเงินที่ดี ช่วยให้เราผ่านวิกฤติไปได้ดี ตัวอย่างเช่น การทำงานของกระบวนการให้สินเชื่อยังเป็นปกติ เพราะอย่างที่ทราบกันดีตอนที่เศรษฐกิจชะลอตัว อัตราการขยายตัวของสินเชื่อจะชะลอตัวลง แต่ในช่วงโควิดและในช่วงลำบาก ถึงแม้จีดีพีจะโตไม่ค่อยดี

แต่เราได้เห็นการเติบโตของสินเชื่อในช่วงปี 63-64 อยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับในอดีต และสูงเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านของเรา รวมทั้งเราได้เห็นการช่วยดูแลลูกหนี้ที่อยู่ในระดับสูง ทั้งหลายพวกนี้ สะท้อนถึงการทำงานร่วมกันอย่างดี เพื่อเผชิญอุปสรรคต่างๆที่เราเจอที่ผ่านมา

ผู้ว่าการแบงก์ชาติ กล่าวว่าเมื่อมองไปข้างหน้า เรื่องภัยการเงินจะเป็นเรื่องที่จะอยู่กับเราอีกยาวนาน ซึ่งที่ผ่านมาแบงก์ชาติได้ทำงานร่วมกับสถาบันการเงินในการออกมาตรการต่างๆ แต่เนื่องจากภัยทางการเงินมีวิวัฒนาการตลอดเวลา และไม่หยุดนิ่ง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการเพิ่มเติม และทำงานร่วมกันก็ยังมีอยู่ อีกทั้งมีอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องร่วมกันแก้ไข คือ เรื่องหนี้สินครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง

อีกปัญหาหนึ่งที่อยู่กับเรา และต้องแก้ไขมัน คือ เรื่องหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับที่สูง ซึ่งเป็นความท้าทาย แต่ผมเชื่อว่า เหมือนกับในอดีตที่เราทำงานร่วมกันมาอย่างดี ถ้าเราทำงานร่วมกันต่อไป เราจะแก้ไขและก้าวข้ามอุปสรรคพวกนี้ต่อไปได้