ผ่าน 7 เดือนแรกแห่เปิดตลาดบ้านเดี่ยว-บ้านแฝดโตกว่า 40%

308
0
Share:

ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ EIC เปิดเผยว่า แม้ตลาดที่อยู่อาศัยในภาพรวมจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ที่อยู่อาศัยแนวราบ ประเภทบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มกำลังซื้อปานกลาง-บน ยังมีความแข็งแกร่ง

บ้านเดี่ยว: แม้ว่า COVID-19 จะกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคค่อนข้างมาก แต่บ้านเดี่ยวมือ 1 ยังคงได้รับความนิยม อย่างไรก็ดี ในปี 2022 สัดส่วนจำนวนการโอนกรรมสิทธิ์บ้านมือ 2 ปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนว่าบ้านมือ 2 เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความสนใจมากขึ้น ส่วนหนึ่งจากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และราคาบ้านมือ 1 ปรับตัวสูงขึ้นมาก

บ้านแฝด: มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าจับตามองในระยะข้างหน้า โดยจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว และสัดส่วนจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา เป็นบ้านมือ 1 มากกว่า 70% ของจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์โดยรวม โดยจำนวนหน่วยในตลาดที่ยังไม่มากนัก ทำให้มีบ้านมือ 2 ออกสู่ตลาดน้อย

ทาวน์เฮาส์: แม้มีสัดส่วนจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์สูงที่สุดในกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบ แต่การระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้จำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการที่ผู้บริโภคหลักเป็นกลุ่มกำลังซื้อปานกลาง-ล่าง ซึ่งได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจค่อนข้างมาก

EIC คาดว่าที่อยู่อาศัยแนวราบเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2022 จะอยู่ที่ราว 44,100 หน่วย (+21%YOY) โดยในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปี 2022 ผู้ประกอบการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบราว 24,728 หน่วย (+43%YOY) และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปี ผู้ประกอบการจะทยอยเปิดโครงการตามแผนที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี จำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยแนวราบเปิดใหม่ขายได้ในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปี 2022 ยังคงหดตัว โดยมาจากการหดตัวของทาวน์เฮาส์ ซึ่งมีสัดส่วนสูงที่สุดเป็นหลัก รวมถึงบ้านแฝดที่หดตัวด้วยเช่นกัน สะท้อนถึงกำลังซื้อปานกลาง-ล่าง ซึ่งเป็นผู้บริโภคหลักได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ

ปัจจัยหนุนตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ได้แก่ ผู้บริโภคยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบ ที่สามารถตอบโจทย์ด้านพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว

การพัฒนาด้านการคมนาคม โดยเฉพาะรถไฟฟ้า ทั้งสายที่เปิดให้บริการใหม่ และส่วนต่อขยาย ซึ่งทำเลปลายสายรถไฟฟ้าเป็นต้นไปเป็นโอกาสสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบ

มาตรการให้สิทธิชาวต่างชาติที่ความมั่งคั่งสูงถือครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยไม่เกิน 1 ไร่ จะช่วยหนุนตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบราคาสูง แต่ยังต้องติดตามความคืบหน้าของการประกาศ รายละเอียด และเงื่อนไขต่อไป

ปัจจัยท้าทายตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ พบว่าต้นทุนการก่อสร้างสูงขึ้น ทั้งราคาที่ดินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับที่ดินผืนใหญ่หายากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงต้นทุนวัสดุก่อสร้างได้รับผลกระทบจากการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงาน อีกทั้ง ต้นทุนแรงงานยังอยู่ในระดับสูง จากการที่ภาคก่อสร้างยังเผชิญภาวะขาดแคลนแรงงานอีกด้วย

อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง และต้นทุนสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้น

บ้านมือ 2 มีแนวโน้มออกสู่ตลาดมากขึ้น จากผลกระทบจากด้านเศรษฐกิจ และการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทำให้การแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นไปอย่างรุนแรงขึ้น