ฝรั่งเศสติดสึนามิโควิด-19 รายใหม่กว่า 360,000 มากเป็นประวัติการณ์ใหม่

529
0
Share:
โควิด

กระทรวงสาธารณสุข ฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ภาวะสึนามิโรคระบาดโควิด-19 เมื่อในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงเมื่อวานนี้ 11 มกราคม 2565 ตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงถึง 368,149 ราย ทำสถิติยอดติดเชื้อรายวันมากเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ซึ่งสถิติเดิมมีจำนวน 332,252 ราย เมื่อวานนี้ 5 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ฝรั่งเศสยังทำสถิติมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 300,000 รายขึ้นไปเป็นครั้งที่ 4 และมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 ของโลกซึ่งรองจากสหรัฐอเมริกา

ส่งผลให้ผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 12,573,263 ราย อยู่อันดับที่ 5 ใน และเป็นอันดับ 2 ในยุโรปโดยเป็นรองสหราชอาณาจักร ขณะที่พบผู้เสียชีวิตรายวันเพิ่มขึ้น 341 ราย ส่งผลให้ยอดเสียชีวิตสะสมเป็น 126,059 ราย

ฝรั่งเศสเผชิญการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรุนแรงทุกวันในช่วงที่ผ่านมา โดยมีสถิติติดเชื้อรายวันมากเป็นประวัติการณ์เกินกว่า 100,000 รายขึ้นไปตั้งแต่เดือนธันวาคม เกิดขึ้น 12 วัน ได้แก่ วันที่ 25 จำนวน 104,611 ราย วันที่ 28 จำนวน 179,807 ราย วันที่ 29 จำนวน 208,099 ราย วันที่ 30 จำนวน 206,243 ราย วันที่ 31 ธันวาคม จำนวน 232,200 ราย วันที่ 1 มกราคม 2565 จำนวน 219,126 ราย วันที่ 4 มกราคม จำนวน 271,686 วันที่ 5 มกราคม จำนวน 332,252 ราย วันที่ 6: 261,481 ราย วันที่ 7: 328,214 ราย วันที่ 8: 303,669 ราย วันที่ 9: 296,097 ราย และวันที่ 11: 368,149 ราย

นายกรัฐมนตรีฌอง กัสแต็กซ์ของฝรั่งเศสประกาศมาตรการใหม่หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินว่า นับตั้งแต่วันที่ 3 มกราคมเป็นต้นไป จะบังคับให้ทำงานจากบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วันสำหรับผู้ที่สามารถทำได้ จำกัดการรวมตัวไม่เกิน 2,000 คนสำหรับงานในร่ม และไม่เกิน 5,000 คนสำหรับงานกลางแจ้ง ห้ามกินดื่มบนขนส่งสาธารณะระยะไกล ปิดไนต์คลับโดยไม่มีกำหนด กำหนดให้คาเฟ่และบาร์ต้องให้บริกรเป็นผู้เสิร์ฟ บังคับสวมหน้ากากอนามัยตามสถานที่ใจกลางเมือง แต่จะยังไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ หรือใช้เคอร์ฟิวในวันส่งท้ายปีเก่า ขณะที่โรงเรียนจะเปิดตามกำหนดในวันที่ 3 มกราคมดังเดิม นายกรัฐมนตรีกัสแต็กซ์กล่าวกับสื่อว่า โรคโควิดระบาดเหมือนกับภาพยนตร์ที่ไม่มีวันจบ

รัฐบาลกำลังร่นระยะห่างการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันจาก 4 เดือนลงเหลือ 3 เดือน ส่วนการบังคับใช้บัตรผ่านโควิดที่ต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนในการเข้าสถานที่สาธารณะจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม หากรัฐสภาผ่านความเห็นชอบ