ฝุ่นเมืองไทยต้องใช้ยาแรง

914
0
Share:

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีหลายกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเด็กที่มีภูมิต้านทานน้อยกว่าผู้ใหญ่
.
ดั้งนั้นต้องช่วยกันแก้ไขแบบครบวงจร คงไม่ใช่รัฐบาลเพียงอย่างเดียว รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้ จัดหาเครื่องวัดโดยให้งบประมาณลงไป ไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนก มีทั้งการป้องกันและการแก้ไข
.
ถ้าเราร่วมมือกัน มาตรการแบบบูรณาการ งบประมาณต้องมีการบูรณการ ต้องมีงบฯ ให้ทั่วถึง อย่าประโคมข่าวแค่ค่าฝุ่น แต่ไม่ประโคมว่าจะแก้อย่างไร เราต้องป้องกันตัวเอง เช่น ใส่หน้ากากจะช่วยลดได้พอสมควร หากค่าฝุ่นสูงแต่ทุกคนไม่ทำอะไรเลยจะได้หรือไม่ ขอให้ทุกคนช่วยกัน โดยเฉพาะลดปริมาณการใช้รถ
.
อย่ามาโจมตีกันในเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์ว่าทำอะไรไม่ได้สักอย่าง แก้ไม่ได้ ให้เข้าใจรัฐบาลก็มีหน้าที่ ประชาชนก็มีหน้าที่ ทุกภาคส่วนก็มีหน้าที่ ถ้าไม่ช่วยกันบูรณาการเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ ซึ่งปัญหาฝุ่นที่เกิดขึ้นใน กทม. ส่วนใหญ่มาจากรถที่วิ่งอยู่บนท้องถนน
.
โดยสถานการณ์ค่าฝุ่นปีนี้ถือว่าดีกว่าปีที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสนใจ มีการส่งเสริมใช้น้ำมันดีเซล บี 10 และยังช่วยแก้ราคาปาล์มตกต่ำได้ด้วย นี้คือสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำ แล้วบอกว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน
.
ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ปลัดกระทรวงฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมมลพิษ จะประชุมเพื่อหามาตรการ และหายาที่แรงขึ้น เพื่อนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ต่อไป ต้องถามไปยังสังคมว่าหากรัฐบาลออกมาตรการเข้มงวดจะรับได้หรือไม่
.
ส่วนมาตรการเข้มงวดหรือยาแรงที่จะออกมาบังคับใช้ยังไม่ขอเปิดเผย แต่ต้นเหตุของการเกิดปัญหาฝุ่น PM 2.5 มาจากรถยนต์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นรถบรรทุกและรถกระบะเป็นส่วนใหญ่ ยกตัวอย่างยาแรงในประเทศเกาหลีใต้ คือ การประกาศห้ามรถยนต์วิ่งในเขตเมือง มาตรการต่างๆ จะไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากต้องประกาศสภาวะฉุกเฉินก่อน จึงเกิดข้อจำกัดในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อใช้มาตรการเข้มงวดก่อนปัญหาจะเกิดขึ้น