พนักงาน-เจ้าหน้าที่มากถึง 300 คนตกงานจากแบงก์ชาติสหรัฐ ลดพนักงานครั้งแรกในรอบ 13 ปี

ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด เปิดเผยว่า เตรียมปลดพนักงานจำนวนมากถึง 300 คน หรือราว 1.2% ของพนักงานทั้งหมด ซึ่งแม้ว่าจำนวนพนักงานที่ต้องตกงานมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับพนักงานทั้งหมด 24,428 คน แต่การปลดพนักงานในธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาแทบจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในรอบ 13 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา การลดจำนวนพนักงานของเฟดในครั้งนี้จะใช้วิธีผสมผสานกัน ได้แก่ การเกษียณก่อนกำหนด และการปลดออก

ฝ่ายสื่อสารองค์กร ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า การปลดพนักงานจะกระทบไปทั่วทุกสายงานในองค์กรโดยเฉพาะจะเน้นไปที่พนักงานที่อยู่ในทั้ง 12 สาขาของธนาคารสหรัฐอเมริกาในแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอที รวมถึงสายงานเทคโนโลยีที่ไม่มีความจำเป็นต้องการใช้อีกต่อไป เนื่องจากเฟดหันมาใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ รวมถึงระบบขั้นตอนการชำระเงินที่ได้รวมศูนย์การทำงานเป็นที่สมบูรณ์แบบไปแล้ว

สำหรับข้อมูลอ้างอิงจากรายงานประจำปีของเฟด จะพบว่า เฟดกำหนดนโยบายการลดจำนวนพนักงานให้ได้มากกว่า 500 ตำแหน่งในช่วงระหว่างปี 2022 ถึง 2023 จากจำนวนพนักงานที่ 24,428 คนมาเหลืออยู่ที่ 23,895 คน

ด้านผลการดำเนินงานของเฟด พบว่า เฟดมีผลขาดทุนสุทธิทั้งหมด 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.6 ล้านล้านบาทในช่วงหลายเดือนผ่านมา ซึ่งเกิดจากการจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้นให้เงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งปรากฏว่าเป็นรายจ่ายดอกเบี้ยรวมที่สูงกว่ารายรับที่ได้จากพอร์ตตราสารหนี้ และตราสารทุนที่มีหลักประกันที่มีมูลค่าถึง 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 270 ล้านล้านบาท