พบป่วยพันธุ์โอไมครอนต้องเข้าโรงพยาบาลรายแรก มีแนวโน้มต้องเข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นในยูเค

523
0
Share:
สหราชอาณาจักร พบป่วยพันธุ์ โอไมครอน ต้องเข้าโรงพยาบาลรายแรก มีแนวโน้มต้องเข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นในยูเค

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สหราชอาณาจักร นายแนดฮิม ซาฮาวี กล่าวว่า ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นรายแรกของสหราชอาณาจักรแล้ว สะท้อนถึงอาการของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนถึงขั้นป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล สิ่งสำคัญ คือจำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนในสหราชอาณาจักรเมื่อ 24 ชั่วโมงผ่านมา พุ่งทะยานอย่างก้าวกระโดดถึง 3,137 ราย ทำสถิติมากที่สุดในโลก และมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ หรือรับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 ในแอฟริกา

แพทย์หญิงซูซาน ฮ็อพกิ้นส์ หัวหน้าที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุขแห่งสหราชอาณาจักร หรือ UK HSA กล่าวว่า สหราชอาณาจักรจะเผชิญการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนเสียชีวิต

กระทรวงสาธารณสุข และความมั่นคงทางสังคม หรือ DHSC แห่งสหราชอาณาจักร ประกาศมาตรการใหม่ล่าสุดโดยให้ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วต้องตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจหาเชื้อสายพันธุ์ใดก็ตาม มีผลตั้งแต่วันอังคารที่ 14 ธันวาคมเป็นต้นไป ในกรณีตรวจพบติดเชื้อนั้น จะต้องถูกแยกกักตัวทันที

ระบบบริการสาธารณสุขแห่งสหราชอาณาจักร หรือ NHS เปิดเผยว่า มีมติปรับระดับคำเตือนการระบาดของโรคโควิด-19 จากเดิมที่ระดับ 3 ขึ้นเป็นระดับที่ 4 ซึ่งเป็นระดับรองจากระดับสูงสุดที่ระดับ 5 สาเหตุจากจำนวนผผู้ติดเชื้อรายวันโดยเฉพาะติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอนพุ่งอย่างก้าวกระโดดในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา หรือเมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม โดยพุ่งทะยานขึ้นถึง 2 เท่าภายในวันดังกล่าว หน่วยงาน NHS เปิดเผยว่าในขณะนี้ อัตราการติดเชื้อเฉลี่ยรายวันในช่วง 7 วันติดต่อกันพุ่งทะยานถึงวันละกว่า 50,000 ราย ทำสถิติอัตราติดเชื้อเฉลี่ยรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่มกราคมปีนี้ หรือในรอบเกือบ 1 ปี

นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร นายบอริส จอห์นสัน กล่าวแถลงผ่านโทรทัศน์ทั่วประเทศในคืนที่ผ่านมาว่า ขณะนี้สหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับการระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนอย่างชัดเจน จึงขอให้ประชาชนในประเทศอังกฤษที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปให้รีบเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 เข็มบูสเตอร์ หรือเข็มที่ 3 ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ครบ 2 โดส ไม่พอที่จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันสายพันธุ์โอไมครอนได้ ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ประกาศใช้มาตรการบังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่กลางแจ้ง และขอให้ประชาชนทำงานจากที่บ้านเป็นหลัก

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขในสหราชอาณาจักรล้วนประเมินตรงกันว่าภายในสิ้นเดือนนี้ หรือเร็วที่สุดภายในสุดสัปดาห์เชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 สายพันธุ์โอไมครอนจะระบาดเป็นสายพันธุ์หลัก เข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดลต้า ขณะที่ในกรุงลอนดอน พบว่าผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายใหม่ในสัดส่วน 33% เป็นสายพันธุ์โอไมครอน ก่อนหน้านี้มีการประเมินว่า ภายในสิ้นปี 2564 สหราชอาณาจักรจะมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนสูงกว่า 1 ล้านคน

ทั้งนี้ หน่วยงาน NHS รายงานว่าในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมาถึงเมื่อวานนี้ 12 ธันวาคม 2464 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 48,854 ราย ส่งผลยอดติดเชื้อสะสมเป็น 10,819,515 ราย อยู่อันดับ 4 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของยุค ขณะที่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 52 ราย ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมเป็น 146,349 ราย