พาณิชย์กังวลส่งออกปีนี้จะติดลบ 1%

634
0
Share:

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกไทยในเดือนกันยายนที่ผ่านมามีมูลค่า 20,481 ล้านดอลลาร์ฯ ติดลบ 1.39% รวม 9 เดือน มีมูลค่า 186,571 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 2.11%
ขณะที่การนำเข้าในเดือนกันยายนที่ผ่านมามีมูลค่า 19,206 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 4.24% รวม 9 เดือนมีมูลค่า 179,190 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 3.68% ส่วนดุลการค้าในเดือนกันยายนที่ผ่านมาเกินดุล 1,275 ล้านดอลลาร์ และ 9 เดือนเกินดุล 7,381 ล้านดอลลาร์
สำหรับการส่งออกของไทยในเดือนกันยายนที่ผ่านมาติดลบในอัตราที่ชะลอลง
โดยสินค้าเกษตรที่ยังหดตัว คือ ข้าว ติดลบ 32.2% โดยเป็นผลจากตลาดนำเข้าหลัก เช่น แอฟริกาใต้ เบนิน และโมซัมบิก นำเข้าลดลง นอกจากนี้จีนและเมียนมา กลายเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหม่ จึงทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของไทยลดลง
ขณะที่ยางพาราติดลบ 15.4% เป็นผลจากความต้องการใช้ลดลงในตลาดหลักอย่างเกาหลีใต้ ค่าเงินบาทที่แข็ง ทำให้ราคายางพาราของไทยสูงกว่าคู่แข่ง รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้ยางลดลงตาม
ส่วนสินค้าที่ยังขยายตัวได้ดี เช่น ทองคำขยายตัว 110.6% โดยการส่งออกทองคำที่ขยายตัวสูงขึ้นตามราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวสูง ทำให้ผู้ส่งออกขายเพื่อทำกำไรและลดความเสี่ยงในการถือครองสต๊อกที่เพิ่มขึ้น รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัว 31.5% โดยผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ใช้ไทยเป็นฐานการส่งออกรถจักรยานยนต์เติบโตในจีน สหรัฐ และส่วนประกอบรถจักรยานยนต์เติบโตในกัมพูชา และญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามอุปทานส่วนเกินของสินค้าเกษตรในตลาดโลกและการแข็งค่าของเงินบาท ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อการส่งออกสินค้าเกษตรในเดือนนี้ แต่เหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดิอาระเบียและความต้องการใช้น้ำมันในช่วงปลายปี อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น ส่งผลให้การส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้
โดยการส่งออกของไทยในปีนี้ ยอมรับว่ามีโอกาสติดลบ 1% ซึ่งต่ำกว่าประมาณการของกระทรวงพาณิชย์ที่คาดการณ์ไว้ที่ 3% โดยยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตามคือ การบรรลุข้อตกลงระยะแรกระหว่างสหรัฐและจีน และการบรรลุข้อตกลง Brexit หากมีความชัดเจนจะช่วยส่งสัญญาณบวกต่อการค้าโลกและการส่งออกไทยในไตรมาสสุดท้ายให้มีแนวโน้มดีขึ้น
ส่วนปี 2563 คาดว่าการส่งออกจะกลับมาฟื้นตัวได้ โดยคาดว่าการส่งออกในปีหน้าจะขยายตัวได้ 1-2% ภายใต้สมมติฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ที่ 2.7-3.2% ราคาน้ำมันที่ 60-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนที่ 30.5-31.5 บาทต่อดอลลาร์