ฟินแลนด์-สวีเดน รีบเพิ่มเงินค้ำประกันธุรกิจพลังงานรวมกว่า 1.22 ล้านล้านบาท

310
0
Share:
ฟินแลนด์-สวีเดน รีบเพิ่มเงิน ค้ำประกัน ธุรกิจพลังงาน รวมกว่า 1.22 ล้านล้านบาท

รัฐบาลประเทศสวีเดนและฟินแลนด์ เปิดเผยว่า เตรียมงบประมาณเพื่อเป็นสภาพคล่องให้กับรัฐวิสาหกิจพลังงานของทั้ง 2 ประเทศรวมกันเป็นมูลค่า 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.22 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรัฐบาลสวีเดนเพิ่มสภาพคล่องมูลค่า 9,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 368,150 ล้านบาท และรัฐบาลฟินแลนด์เพิ่มสภาพคล่องมูลค่า 23,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 858,400 ล้านบาท

สภาพคล่องดังกล่าวนั้น รัฐวิสาหกิจพลังงานหลักของทั้ง 2 ประเทศจะนำเงินจำนวนนี้ไปเป็นการรักษาสภาพคล่องของเงินหลักประกันในสัญญาซื้อขายพลังงานในตลาดโลก ซึ่งพบว่าต้องใช้เงินสูงถึง 180,000 ล้านโครนสวีเดน หรือราว 612,000 ล้านบาท ที่สำคัญจำนวนเงินหลักประกันที่พุ่งสูงขึ้นมากนั้น เพิ่มขึ้นจากระดับปกติที่ 25,000 ล้านโครนสวีเดน หรือราว 85,000 ล้านบาท

สำหรับสาเหตุที่รัฐบาลสวีเดนและฟินแลนด์ต้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือสภาพคล่องการเงินนั้น เนื่องจากสถานการณ์สงครามรัสเซียกับยูเครนส่งผลให้การจัดส่งพลังงานสำคัญได้แก่ ก๊าซธรรมชาติมายังทั้ง 2 ประเทศ ลดต่ำลงอย่างมากและต่อเนื่อง ด้านราคาพลังงานพุ่งทะยานมีราคาแพงมาก ส่งผลให้สัญญาซื้อขายพลังงานล่วงหน้าของรัฐวิสาหกิจและเอกชนด้านพลังงานลดต่ำลงอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อระดับที่ต้องรักษาสภาพคล่องในสัญญาซื้อขายดังกล่าวจำนวนมาก รัฐวิสาหกิจและเอกชนด้านพลังงานจึงถูกบังคับให้ต้องเพิ่มเงินหลักประกันสูงขึ้นอย่างมากและอย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาสภาพคล่องการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าเป็นไปตามปกติ

นายกรัฐมนตรีประเทศฟินแลนด์ กล่าวว่าการจัดหาเงินจำนวนนึ้เป็นแหล่งเงินสุดท้ายให้กับธุรกิจพลังงานในประเทศฟินแลนด์ที่จะสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ หากไม่เช่นนั้น จะเกิดสภาพธุรกิจพลังงานล้มละลาย

ทั้งนี้ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สวีเดน กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่รีบตัดสินใจเพิ่มสภาพคล่องดังกล่าว อาจทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจพลังงานอย่างรุนแรง ซึ่งคล้ายคลึงกับวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกาล้มละลาย ได้แก่ ธนาคารเลย์แมน บราเธอร์ ซึ่งเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่อันดับ 4 ในสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2008 เกิดวิกฤตสัญญาเงินกู้อสังหาริมทรัพย์ความเสี่ยงสูงที่เรียกว่า ซับไพร์ม ล่มสลาย ลุกลามกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐไปทั่วโลกในปี 2008 ธนาคารดังกล่าวมีหนี้สินสะสมพุ่งสูงถึง 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 22.2 ล้านล้านบาท