มั่นใจลด! ครัวเรือนทั่วโลกมองโลกสวยน้อยลง เหลือ 40% เชื่อรายได้ฟื้นในอนาคต

อีเดลแมน ทรัสท์ บารอมิเตอร์ สถาบันงานวิจัยและผลสำรวจด้านทัศนคติของประชาชนเกี่ยวกับความมั่งคั่งครัวเรือน เปิดเผยผลสำรวจดังกล่าว พบว่า ประชาชนในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับต้นๆของโลกล้วนมีมุมมองในทางลบกับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งมีสัดส่วนมุมมองในทางลบมีสูงมากใน 4 ประเทศยักษ์ใหญ่ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมนี และญี่ปุ่น

ผลสำรวจยังพบว่า ในภาพรวมทั่วโลก มี 40% เห็นตรงกันว่า ครอบครัวและผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัวด้วย จะมีสถานะที่ดีขึ้นใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวลดลง 10% จากผลสำรวจเดิมในปีก่อนหน้านั้นที่เคยมีสัดส่วนถึง 50% นอกจากนี้ ครัวเรือนในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับต้นๆของโลก มีสัดส่วนดังกล่าวลดลงมากที่สุดมาเหลือในปัจจุบัน ได้แก่ สหรัฐอเมริกาที่ 36% อังกฤษที่ 23% เยอรมนีที่ 15% และญี่ปุ่นที่ 9% สำหรับจีนมีสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก 1% มาอยู่ที่ระดับ 65%

สาเหตุจากสมาชิกในครัวเรือนล้วนมีมุมมองว่าสถานะความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกมีสูงมาก ซึ่งเป็นผลจากสงครามรัสเซียกับยูเครนที่ยืดเยื้อ และธนาคารกลางยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังพบว่าผลกระทบของโรคระบาดโควิด-19 และวิกฤตภาวะเงินเฟ้อสูง ทำให้เกิดการแบ่งแยกภาวะสังคม โดยครัวเรือนที่มีรายได้สูงจะยังคงมีความเชื่อถือในภาพกว้างกับสถาบันมนสังคม ได้แก่ รัฐบาล เอกชน สื่อ และองค์กรนอกภาครัฐที่ไม่แสวงหาผลกำไร หรือเอ็นจีโอ ทั้งหมดตรงกันข้ามกับครัวเรือนรายได้ต่ำที่มีความเชื่อถือลดต่ำลงต่อสถาบันเหล่านี้

ด้านองค์การอนามัยโลก หรือ WHO เปิดเผยว่า ประชาชนที่มีรายได้น้อยได้รับความทุกข์ทรมานมากที่สุดจากต้นทุนที่พุ่งสูงและมีราคาแพงมากกับปัจจัยทุกอย่างในการใช้ชีวิต

อีเดลแมน ทรัสท์ บารอมิเตอร์ เปิดเผยต่อไปว่า ผลสำรวจทำให้เห็นว่าค่าเฉลี่ยดัชนีความเชื่อถือในสถาบันต่างๆในสังคมของประเทศที่มีรายได้สูงอย่างในสหรัฐอเมริกาจะอยู่ที่ระดับ 63% แต่กลับตกต่ำเหลือเพียง 40% ในกลุ่มประเทศรายได้น้อย นอกจากนี้ ยังพบว่าความเหลื่อมล้ำในภาวะปัจจุบันที่อยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบีย จีนแผ่นดินใหญ่ ญี่ปุ่น และสหรัฐอาหรับเอมิเรต