มาร์กปลดแน่! ซีอีโอเมตาแจ้งผู้บริหารพุธนี้เริ่มปลดพนักงานกว่าพันคนขึ้นไป

241
0
Share:
มาร์กปลดแน่! ซีอีโอ เมตา แจ้งผู้บริหารพุธนี้เริ่ม ปลดพนักงาน กว่าพันคนขึ้นไป

เมตา อินคอร์ปอเรชั่น ของนายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าในการประชุมออนไลน์กับระดับผู้บริหารจำนวนมากของบริษัทในคืนผ่านมา เพื่อแจ้งว่าในวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน เวลา 6.00 น. ตามเวลานิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา หรือตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 10 ตามเวลาไทย บริษัทจะเริ่มดำเนินการแจ้งเป็นการภายในกับการปลดพนักงานจำนวนหลายพันคนขึ้นไป ซึ่งจะเป็นการส่งอีเมลโดยตรงไปยังพนักงานที่ต้องถูกปลดออกจากบริษัท

ซีอีโอเมตา อินคอร์ปอเรชั่น ยอมรับว่าในฐานะซีอีโอต้องแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่มีต่อบริษัท รวมถึงการมองทุกสิ่งทุกอย่างในทางบวกเกี่ยวกับการเติบโตของบริษัทมากเกินไป ซึ่งทำให้บริษัทมีการจ้างพนักงานมาเกินไปในช่วงที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน

สำหรับสายงานที่จะถูกปลดออกในครั้งนี้ซึ่งนับเป็นการปลดพนักงานครั้งแรกในรอบ 18 ปี หรือตั้งแต่ก่อตั้งเฟซบุ๊กเป็นต้นมา ได้แก่ สายงานทรัพยากรบุคคล สายงานพัฒนาธุรกิจ ด้านลอนี่ โกเลอร์ หัวหน้าสายงานทรัพยากรบุคคล เปิดเผยว่า พนักงานที่ถูกปลดออกจะได้รับเงินชดเชยอย่างน้อย 4 เดือน

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เมตา อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่าภายในสัปดาห์นี้ จะทำการปลดพนักงานจำนวนหลายพันคนขึ้นไปในวันพุธที่ 9 พฤศจิกายนนี้ ด้านฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล ได้ส่งอีเมล์แจ้งให้พนักงานทุกคนยกเลิกการเดินทางที่ไม่จำเป็น หรือการเดินทางที่ไม่เร่งด่วน เพื่อให้อยู่ที่สำนักงานรอการประกาศปลดพนักงานอย่างเป็นทางการ

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอ กล่าวว่า เมตา อินคอร์ปอเรชั่นจะมีขนาดเล็กลงในปี 2023 เมื่อเปรียบเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา โดยมีการทบทวนโครงสร้างองค์กรทั้งบริษัทและจำนวนพนักงาน นั่นหมายถึงจะมีการปรับลดจำนวนพนักงานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ครั้งแรกก่อตั้งบริษัทมาเป็นเวลา 18 ปี แต่ตั้ง

เมื่อสัปดาห์สุดท้ายของตุลาคม ซีอีโอเมตา อินคอร์ปอเรชั่น ได้ส่งอีเมลไปให้พนักงานทุกคน ระบุว่าขอให้พนักงานทุกคนเร่งเพิ่มความพยายามของตัวเองอีก 200 % เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสั่งปลดออกจากบริษัท โดยกล่าวว่า “คุณมีเวลา 3 เดือนที่จะพิสูจน์คุณค่าในตัวเอง พยายามให้ได้ 200% ถ้าคุณไม่พอใจก็ลาออกไปได้เลย”

เมตา อินคอร์ปอเรชั่น ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปีนี้ พบว่ามีรายได้รวม 27,714 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.07 ล้านล้านบาท ซึ่งลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ในเวลาเดียวกัน มีผลกำไรสุทธิ 4,395 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 169,207 ล้านบาท

ในขณะที่ธุรกิจรูปแบบใหม่ที่เรียกว่าเมตาเวิร์ส หรือจักรวาลนฤมิตรมีรายได้ลดลงเหลือ 285 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 10,973 ล้านบาท ส่งผลขาดทุนสูงถึง 3,672 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 141,372 ล้านบาท ท่ามกลางจำนวนผู้ใช้งานรวมทุกแพลตฟอร์มของเมตา อินคอร์ปอเรชั่นประจำทุกเดือนเพิ่มเป็น 3,710 ล้านคน

นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทในเครือมีชื่อว่า เรียลลิตี้ แลปส์ Reality Labs ซึ่งทำธุรกิจรับผิดชอบด้านการทำแว่น VR headsets โดยถูกตั้งขึ้นเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ เมตาเวิร์สนั้น พบว่ามีรายได้ลดลงไปอยู่ที่ระดับ 285 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 10,973 ล้านบาท และนับตั้งแต่ต้นปี หรือ 3 ไตรมาสแรก รายได้ของของบริษัทดังกล่าว Reality Labs ลดลงไปแล้ว 9,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 361,900 ล้านบาท ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะลดลงอีกในอนาคต

สาเหตุจากภาวะการชะลอตัวของการใช้จ่ายสื่อโฆษณาออนไลน์ทั่วโลก แอปเปิลเปิดใช้ระบบปฏิบัติการป้องกันความเป็นส่วนตัวของ iOS แพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้น หรือ Reels ที่เผชิญความแข่งขันที่น่ากลัวและรุนแรงอย่าง TikTok นอกจากนี้ โมเดลธุรกิจเมตาเวิร์สของเมตา อินคอร์ปอเรชั่น ยังคงสร้างผลขาดทุนสูงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มเปิดตัวเป็นต้นมา

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา อัลทิมิเทอร์ แคปปิตอล แมเนจเม้นท์ เป็นนักลงทุนประเภทสถาบันที่ถือหุ้นในบริษัทเมตา อินคอร์ปอเรชั่น หรือเฟซบุ๊ก ได้ทำเอกสารส่งถึงนายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ให้ดำเนินการตัดลดค่าใช้จ่ายด้วยการปลดพนักงาน และปรับลดงบลงทุนด้วยการลดงบประมาณในการพัฒนา

เมตาเวิร์ส เมตา อินคอร์ปอเรชั่น ได้สร้างความไม่มั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นด้วยการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านงบประมาณในการลงทุนโมเดลธุรกิจเมตาเวิร์ส

หากเมตา อินคอร์ปอเรชั่น ดำเนินการตามข้อเสนอแนะในครั้งนี้ ด้วยการปลดพนักงานอย่างน้อย 20% จากทั้งหมดในปัจจุบัน และตัดลดงบประมาณการลงทุนลงอย่างน้อย 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 192,500 ล้านบาท ให้ลงมาเหลือปีละ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 962,500 ล้านบาท และจำกัดเพดานเงินลงทุนในเมตาเวิร์สไว้ที่ปีละ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 192,500 ล้านบาท จากเดิมที่กำหนดไว้ปีละ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 385,000 ล้านบาท ทั้งหมดจะทำให้กระแสเงินของเมตา อินคอร์ปอเรชั่นเพิ่มขึ้น 2 เท่าขึ้นเป็น 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.54 ล้านล้านบาท

สำหรับข้อเสนอปลดพนักงานอย่างน้อย 20% นั้น หากเมตา อินคอร์ปอเรชั่น ดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าว นั่นหมายถึงจะต้องปลดพนักงานออกอย่างน้อย 16,700 ราย จากจำนวนพนักงานทั้งหมดตามข้อมูลเมื่อสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2565 อยู่ที่ 83,500 คน

ทั้งนี้ พนักงานหลายคนในเมตา อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่าในปี 2566 บริษัทจะลดพนักงานลงประมาณ 20% เพียงแต่การลดจำนวนพนักงานจะออกมาในรูปแบบใดนั้นยังต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง