มีดีมีเสีย! นักวิชาการนิด้ามองจ่าย 2 รอบช่วยครูใหม่ป้ายแดง ต้องมีวินัยการเงิน

ดร.สันติ ชัยศรีสวัสดิ์สุข ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาเอก คณะพัฒนาเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า กล่าวว่า คิดแบบเอกชนก็ดีในการจ่ายเงินเดือน 2 รอบ เมื่อทำงานมาแล้ว 2 สัปดาห์ ก็ต้องได้เงินเดือน เมื่อได้เงินเร็วก็ช่วยแก้ปัญหาเรื่องชักหน้าไม่ถึงหลัง โดยเฉพาะคนจนจริงๆ ควรได้รับค่าตอบแทนเร็วๆ จะรอจนถึงสิ้นเดือนคงไม่ได้ เพราะต้องแบกภาระไปถึงสิ้นเดือนกว่าจะได้เงิน โดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้น้อย ต้องรอให้ครบเดือนกว่าเงินจะออก หากหมุนเงินไม่ทัน ก็ต้องไปกู้ยืม ก็จะมีภาระเรื่องดอกเบี้ย เป็นการลดความเสี่ยงจะก่อหนี้ ถ้าทำได้ก็ไม่เป็นปัญหา

ด้านการจัดระบบจ่ายเงินเดือนข้าราชการแบบใหม่ รัฐบาลต้องดูโครงสร้างจัดเก็บรายได้ว่าสมดุลกันหรือไม่ ต้องไปบริหารการจัดเก็บภาษี ซึ่งช่วงแรกอาจมีการกู้ในระยะสั้น ขึ้นอยู่กับกรมบัญชีกลางจะบริหาร หากบริหารได้ก็จะมีประสิทธิภาพทางการคลัง และด้วยเทคโนโลยีสามารถทำได้ในการตั้งกำหนดวันจ่ายเงิน ก็อาจมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนจะช่วยลดหนี้ได้หรือไม่ คิดว่าคงไม่ถึงขนาดนั้น แต่จะช่วยคนจนจริงๆ ได้

สำหรับข้อกังวลของผู้มีภาระหนี้ในแต่ละเดือน เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือหนี้บัตรเครดิตนั้น สมมติว่าได้เงินเดือน 12,000 บาท หากสิ้นเดือนต้องจ่ายหนี้ 3,000 บาท และหากมีการแบ่งจ่ายเงินเดือน 2 รอบ ก็เท่ากับได้รอบละ 6,000 บาท หากรอบ 2 ได้อีก 6,000 บาท ก็นำไปจ่ายหนี้ 3,000 บาท ก็เท่ากับว่าเหลือเงินใช้เพียง 3,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับวินัยทางการเงินของแต่ละคน จะต้องเก็บเงินไว้จ่ายหนี้

นอกจากนี้ มองว่าการจ่ายเงินเดือนข้าราชการเดือนละ 2 รอบ เป็นเพียงเครื่องมือในการบริหารสภาพคล่อง ไม่ใช่การแก้ปัญหาหนี้สิน เป็นการซื้อเวลาเท่านั้น เพราะไม่ได้สร้างรายได้ และไม่ได้ผ่อนปรนภาระหนี้ อย่างไรก็ตาม การปรับระบบจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็นเดือนละ 2 รอบ มีข้อดีในส่วนของข้าราชการบรรจุใหม่ที่ต้องใช้จ่ายทุกวัน บางคนอาจจะชอบก็ได้ แต่รัฐต้องบริหารสภาพคล่องให้ได้

ทั้งนี้ ดร.สันติ ชัยศรีสวัสดิ์สุข กล่าวว่า การจ่ายเงินเดือนถี่ขึ้นในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ภาคเอกชนทำกันมานาน และไม่มีนัยต่อการก่อหนี้สิน แต่ขึ้นอยู่กับเงินหมุนเวียนทางการคลัง จะต้องปรับระบบใหม่ไม่ให้เกิดผลกระทบ จะต้องวางแผนเงินสดในการจ่ายเงินเดือนให้กับข้าราชการเดือนละ 2 รอบ