บุกตลาดยา! อินโนบิก-แอซทีค ลงนามสัญญาจำหน่ายหุ้น Adalvo มุ่งขยายตลาดยาในไทย-อาเซียน

142
0
Share:

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา อินโนบิกได้ร่วมกับ Aztiq เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท อัลโวเจน อีเมอร์จิง มาร์เก็ต โฮลดิ้ง จำกัด (Alvogen Emerging Markets Holdings Limited : AEMH) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลัก (41%) ของบริษัท โลตัส ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (Lotus Pharmaceutical Company Limited : Lotus) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน และถือหุ้น 100% ของ Adalvo เพื่อเป็นเรือธงสำคัญในการดำเนินธุรกิจยาและขับเคลื่อนธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต

กลุ่ม ปตท. โดย Lotus เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจยาสามัญชั้นนำแบบมีนวัตกรรม ดำเนินธุรกิจยาแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การคิดค้น พัฒนา (R&D) การผลิต (Manufacturing) และการจัดจำหน่าย (Commercialization) ขณะที่ Adalvo มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจยาแบบ Business-to-Business (B2B) มุ่งเน้นการอนุญาตให้ใช้สิทธิ (Out Licensing) และจัดจำหน่าย (Commercialization) ผลิตภัณฑ์ยาในทวีปยุโรป

การจำหน่ายหุ้น Adalvo ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในแผนการทำธุรกิจ โดยอินโนบิกยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ Adalvo เน้นการทำธุรกิจในทวีปยุโรปเป็นหลัก และยังคงเป็นพันธมิตรที่ดีกับ Lotus จึงไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของ Lotus และอินโนบิกแต่อย่างใด

ปัจจุบันราคาหุ้น Lotus ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 เท่า นับตั้งแต่อินโนบิกได้เข้าลงทุน ประกอบกับรายได้ของ Lotus ที่ผ่านมาอยู่ในระดับดี มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) มากกว่า 20% จากการขยายพอร์ตของตัวยาที่หลากหลายมากขึ้นโดยเฉพาะยาที่มีมูลค่าตลาดสูงติดอันดับโลกอาทิยารักษาโรคมะเร็งและเข้าตลาดอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

พร้อมทั้ง ขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่นทั่วโลก ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจยาระดับโลกหลายราย ขณะที่ Adalvo เป็นบริษัทที่มีการเติบโตที่ดี มีมูลค่าของกิจการประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จึงเป็นโอกาสดีที่อินโนบิกจะนำเงินลงทุนที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นครั้งนี้ มาขยายการลงทุนและต่อยอดการเติบโต ตามยุทธศาสตร์ของบริษัทต่อไป รวมถึงเพิ่มโอกาสการลงทุนในธุรกิจด้านอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับสถานการณ์และเทคโนโลยีโลก สร้างความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขของประเทศไทยและภูมิภาคดร. บุรณิน กล่าวในตอนท้าย