ม.หอการค้าฯ มองส่งออกไทยปี 67 มีสัญญาณฟื้น จ่อกลับมาโตได้ 3.6% จากปีนี้คาดจะติดลบ 2%

242
0
Share:
ม. หอการค้าไทย มองส่งออกไทยปี 67 มีสัญญาณฟื้น จ่อกลับมาโตได้ 3.6% จากปีนี้คาดจะติดลบ 2% เงินดิจิทัล

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินแนวโน้มการส่งออกไทย ปี 67 โดยคาดว่าจะพลิกกลับมาขยายตัวได้ 3.6% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยของประเทศต่างๆ มีแนวโน้มชะลอตัวลง ส่งผลให้ความต้องการสินค้ามีมากขึ้น อีกทั้งนโยบายผลักดันการส่งออกสินค้าจากหน่วยงานภาครัฐของไทย จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการส่งออกในตลาดต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์จาก Soft Power เพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้าส่งออกของไทย, การแก้ปัญหา-อุปสรรคการค้าชายแดน, การผลักดันให้มีการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้า (FTA) มากขึ้น เป็นต้น

โดยการส่งออกของไทยมีสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/66 ซึ่งเป็นการเติบโตที่ไม่หวือหวา โดยจะค่อยๆ ฟื้นตัว และชัดเจนขึ้นในกลางปี 67 และเชื่อว่าการส่งออกจะเป็นพระรองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีหน้า ส่วนพระเอกน่าจะเป็นเงินดิจิทัล โดย ม.หอการค้าไทย คาดว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 4.5-5%

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดว่า การส่งออกไทยในปี 67 ยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนสูงของเศรษฐกิจโลก โดย IMF คาดว่าเศรษฐโลกปีหน้าจะเติบโตได้ 2.9% จากปีนี้ที่ 3% ส่วน OECD คาดว่าเศรษฐกิจโลกปีหน้าจะเติบโตได้ 2.7% จากปีนี้ที่ 3% โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงชะลอตัวจากปัญหาดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง และอัตราการว่างงานที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจจีน ยังถูกกดดันจากวิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์ การบริโภคที่อ่อนแอ และภาคเอกชนยังไม่มั่นใจในการลงทุน

ตลอดจนปัจจัยเสี่ยงจากเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น จากคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ภายในปี 67 รวมทั้งรายได้ภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีผลให้เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้า ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาสินค้า, ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น กระทบต่อต้นทุนการผลิต และราคาสินค้า

อย่างไรก็ตามยังต้องติดตาม คือ ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อ ความขัดแย้งในทุกมิติระหว่างสหรัฐฯ – จีน และสงครามระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ซึ่งเชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปยังอิสราเอลไม่มากนัก ที่ -0.1 ถึง -1.7% โดยมองกรณีเลวร้ายที่สุดคือ สงครามขยายวงกว้างทั่วตะวันออกกลาง (โอกาสเกิดน้อยกว่า 5%) ผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออก 4,770 ล้านดอลลาร์ ส่งออก หดตัว 1.7% ,กรณีสงครามยืดเยื้อจนปิดเส้นทางขนส่ง (โอกาสเกิด 10%) ผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออก 850 ล้านดอลลาร์ ส่งออก หดตัว 0.3% และกรณีสงครามยืดเยื้อซึ่งมีโอกาส 30% จะมีผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออก 370 ล้านดอลลาร์ ส่งออก หดตัว 0.1%