ยังน่าห่วง! หอการค้าไทยเปิด 10 สินค้าส่งออก ดาวเด่นดาวรุ่งไทย คาดส่งออกไทยปี 67 โต 2.5%

121
0
Share:

นายพูนทวี ชัยวิจิตมลากูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ฯได้ประเมินทิศทางการส่งออกไทยปี 2567 กับ 10 สินค้าส่งออกเด่น ดาวรุ่งปี 67 ซึ่งวิเคราะห์สถานะสินค้าโดยใช้แนวคิด BCG Matrix(Boston Consulting Group) และใช้ข้อมูลอัตราการขยายตัวและสัดส่วนการส่งออกสินค้าไทยเฉลี่ยปี 2564-2566 และผลการคาดการณ์ส่งออกปี 67 พบว่า 10 สินค้าดาวเด่น ประกอบด้วย น้ำมันสำเร็จรูป, โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบอุปกรณ์กึ่งตัวรำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด, ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง, หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันเฉพาะตัว, แผงวงจรไฟฟ้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และเครื่องจักรกล

ส่วน 10 สินค้าส่งออกดาวรุ่ง ประกอบด้วย รถแทรกเตอร์ และยานยนต์ที่มีวัตถุประสงค์พิเศษกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าอื่นๆไก่สดแช่เย็นแช่แข็งประทีปโคมไฟ เช่น สปอตไลต์ และโคมไฟเส้นใยประดิษฐ์นาฬิกาและส่วนประกอบอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับให้สัญญาณเสียง เช่น กระดิ่ง ไซเรน สัญญาณกันขโมยเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ส่วนประกอบสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และเนื้อส่วนต่างๆ ของสัตว์ที่บริโภคได้

โดยคาดว่าการส่งออกไทยในปี 67 จะมีมูลค่า 291,676 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 2.5% หรืออยู่ในช่วง 2-3% หรือมีมูลค่า 290,253 ถึง 293,099 ล้านดอลลาร์ ภายใต้เงื่อนไขเศรษฐกิจโลกขยายตัว 2.3-3.1% ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 76-82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 34-35 บาทต่อดอลลาร์ อัตราเงินเฟ้อไทย 0.5-1.5% การค้าโลกขยายตัว 3.3% จากปัจจัยสนับสนุนจทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีโลกจะขยายตัว 3.1% เพิ่มขึ้น 0.2 จากเดือนต..ที่คาดว่าจะโต 2.9% เนื่องจากความสามารถในการฟื้นตัวของสหรัฐและและประเทศกำลังพัฒนา และการสนับสนุนทางการคลังในประเทศจีน การค้าระหว่างประเทศของโลกปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัว 3.3% จากอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและจีนแม้จะชะลอตัวจากปี 66 รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยุโรป อีกทั้งค่าเงินบาทช่วงแรกปี 67 มีแนวโน้มอ่อนค่าส่งผลดีต่อความสามารถในการแข่งขันเงินเฟ้อโลกลดลงกระตุกดอกเบี้ยขาลงทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตและคาดว่าหลายประเทคาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย

อย่างไรก็ตามยังคงต้องระวังปัจจัยเสี่ยงจากเหตุการณ์โจมตีเรือขนส่งสินค้าของกบฏฮูตีในบริเวณทะเลแดง ยืดเยื้อส่งผลให้ค่าระว่างเรือเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการขนส่งและใช้เวลาในการขนส่งมากขึ้นจากการที่ต้องอ้อมแหลมกู๊ดโฮป การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงมีข้อจำกัดจากปัญหาเชิงโครงสร้าง และค่าเงินบาทครึ่งปีหลังมีแนวโน้มแข็งค่า ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันข

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจหอการค้าไทย กล่าวว่า ปี 67 หากเราผลักดันการส่งออกให้โดดเด่นถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเศรษฐกิจไทย ซึ่งตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย คือตลาดสหรัฐ โดยมีสัดส่วนการส่งออกที่ 17% ซี่งไอเอ็มเอฟและสภาพัฒน์ฯ ประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐดีกว่าที่คาดไว้ โดยสินค้าดาวเด่น คือ โทรศัพท์ ทรานซิสเตอร์ หม้อแปลงไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ อัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งเป็นสินค้าอุตสาหกรรม รวมไปถึง รถจักรยานยนต์ เครื่องซักผ้าพลาสติก ก็น่าจะให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้ดี

ขณะที่ตลาดจีน ก็ถือเป็นตลาดสำคัญของไทยมีสัดส่วนการส่งออก 12% โดยสินค้าที่โดดเด่น คือ ผลไม้อะลูมิเนียม มันสำปะหลัง ไก่สด ซึ่งเป็นสินค้าทางการเกษตร เป็นสำคัญ ดังนั้นควรส่งเสริมช่องทางการขนส่งให้สะดวกมากขึ้นส่วนตลาดอาเซียน ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 23.6% โดยสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นสินค้าด้านเกษตรกรรม เช่น ข้าว น้ำตาลทราย น้ำมันพืช น้ำมันสำเร็จรูป เป็นต้น ซึ่งเป็นตลาดที่กระจายสร้างรายได้ให้กับคนไทย