ยังอุ้มดอกเบี้ย!  ธอส. เผย 9 เดือนแรกปล่อยสินเชื่อกว่า 1.74 แสนล้านบาท  NPL ขยับขึ้นเล็กน้อย 

220
0
Share:

นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการธนาคาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า  ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ยังคงเดินหน้าสานต่อพันธกิจทำให้คนไทยมีบ้านเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น ผ่านการมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่จะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 138,184 บัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 174,272 ล้านบาท คิดเป็น 74% ของเป้าหมายในปี 2566 ที่ตั้งไว้ 235,480 ล้านบาท

โดยในจำนวนนี้เป็นสินเชื่อปล่อยใหม่วงเงินกู้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางถึง 78,666 ราย ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2565 ธนาคารมีสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,669,492 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.45% สินทรัพย์รวม 1,721,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.73% เงินฝากรวม  1,475,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.14% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 70,809 ล้านบาท คิดเป็น 4.24% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 0.50% จากสิ้นปี 2565 ที่มี NPL อยู่ที่ 3.74% มีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 141,808 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPLสูงถึง 200.27% และยังคงมีกำไรสุทธิ 11,923 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ระดับแข็งแกร่งที่ 15.08% สูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดที่ 8.5%

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง มาจากมาตรการรัฐบาลในการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ จาก 2% เหลือ 1% และลดค่าจดทะเบียนการจดจำนอง จาก 1% เหลือ 0.01% ของรัฐบาลที่จะสิ้นสุดในปี 2566 นี้ เป็นตัวเร่งทำให้ประชาชนโอนที่อยู่อาศัยให้ทันตามระยะที่กำหนดเพื่อรับสิทธิ์ดังกล่าว ประกอบกับความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนยังคงมีอยู่สูง แม้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มสูงขึ้น แต่ ธอส. ได้จัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำรองรับความต้องการของลูกค้าในหลากหลายอาชีพ และให้ระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุดถึง 40 ปี ทำให้ลูกค้าตัดสินใจขอสินเชื่อกับ ธอส. อย่างต่อเนื่อง

จากปัจจัยต่าง ๆ ทำให้เชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายที่ 235,480 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน โดย ธอส. ยังคงพร้อมช่วยเหลือลูกค้า ด้วยการตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารไว้ต่อไป เพื่อไม่เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าของธนาคาร สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ให้หน่วยงานภาครัฐช่วยดูแลค่าครองชีพของประชาชนนายกฤษณ์ กล่าว

ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้บริการของธนาคารได้อย่างสะดวกและคล่องตัว ธอส. จึงได้ยกระดับการให้บริการด้านดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น จึงได้พัฒนาการบริการเหนือระดับขึ้นไปอีกขั้น อาทิ โครงการประเมินราคาหลักทรัพย์ผ่านระบบดิจิทัล ระยะที่ 2 (Digital Appraisal) โครงการที่จะช่วยประเมินราคาทรัพย์ที่ลูกค้าประสงค์จะซื้อและมาขอสินเชื่อกับธนาคาร เพื่อประมาณการวงเงินอนุมัติเบื้องต้นให้กับลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น โดยได้ขยายพื้นที่การให้บริการเพิ่มขึ้น ไปยัง จ.ชลบุรีระยองฉะเชิงเทราสมุทรสาครนครปฐมเชียงใหม่พิษณุโลกขอนแก่นนครราชสีมาและสงขลาจากเดิมให้บริการในกรุงเทพฯนนทบุรีปทุมธานีและสมุทรปราการ

ซึ่งที่ผ่านมามีลูกค้าใช้บริการประเมินราคาทรัพย์ ผ่านระบบ Digital Appraisal แล้วกว่า 7,500 ราย และในอนาคตเตรียมขยายพื้นที่ให้ครอบคลุมการให้สินเชื่อทั่วประเทศ โครงการ Digital Loan Process โครงการเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการยื่นขอสินเชื่อ ผ่าน Application : GHB ALL GEN สำหรับลูกค้าอาชีพประจำ วงเงินกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท และนำเอกสารประกอบการขอสินเชื่อเข้าระบบดิจิทัล แทนการใช้แฟ้มเอกสารกระดาษ ลดการเคลื่อนที่ของแฟ้มเอกสารและการใช้กระดาษ เพื่อใช้ข้อมูลในระบบดิจิทัลพิจารณาสินเชื่อให้แก่ลูกค้า และแจ้งผลการอนุมัติสินเชื่อผ่าน Application : GHB ALL GEN อีกครั้ง ซึ่งสามารถลดขั้นตอนและระยะเวลาในการอนุมัติสินเชื่อลงถึง 20% ทำให้ลูกค้าได้รับสินเชื่อเร็ว โดยตั้งแต่เริ่มโครงการ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2566 ปัจจุบันมีลูกค้ายื่นกู้ผ่านโครงการดังกล่าวแล้ว 52,304 บัญชี คิดเป็น 89.60% ของลูกค้าที่ยื่นกู้ทั้งหมด 58,072 บัญชี ทั้งนี้ ในอนาคตธนาคาร   มีแผนจะขยายโครงการไปยังลูกค้ากลุ่มอื่นเพิ่มขึ้นต่อไป