ยังไม่ทันไร! รัฐบาลอังกฤษกลับลำนโยบายลดภาษีสุดโต่ง เงินปอนด์ในเอเชียดีดแข็งค่าทันที

302
0
Share:
ยังไม่ทันไร! รัฐบาล อังกฤษ กลับลำนโยบายลด ภาษี สุดโต่ง เงินปอนด์ ในเอเชียดีดแข็งค่าทันที

นายกรัฐมนตรีหญิง ลิซ ทรัสส์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แห่งอังกฤษ เปิดเผยว่ารัฐบาลอังกฤษยกเลิกนโยบายตัดลดการเก็บภาษีที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ การเปิดเผยดังกล่าวมีขึ้นในวันนี้ ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรีหญิงยังได้กล่าวยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลอังกฤษยืนยันเดินหน้าใช้นโยบายตัดลดภาษีครั้งใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอังกฤษ

ค่าเงินปอนด์สเตอริงเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดเอเชียช่วงบ่ายวันนี้ 3 ตุลาคม เคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นทันทีมาอยู่ที่ระดับ 1.125 ต่อดอลลาร์สหรัฐ

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 โฆษกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงมากในหลายประเทศรวมถึงสหราชอาณาจักร ไอเอ็มเอฟไม่เห็นด้วยและไม่แนะนำการใช้แพคเกจด้านการคลังของรัฐบาลสหราชอาณาจักรที่ไม่ได้กำหนดเป้าหมายชัดเจน และมีขนาดการปรับลดรายได้รัฐบาลที่มากขนาดนี้ เนื่องจากการใช้นโยบายการคลังในลักษณะดังกล่าวไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรควบคู่กับการใช้นโยบายการเงินในปัจจุบัน

ไอเอ็มเอฟแสดงข้อคิดเห็นและมุมมองที่ไม่สนับสนุนการใช้มาตรการการคลังของสหราชอาณาจักรมีสาเหตุจากนักลงทุนแห่เทขายเงินปอนด์สเตอริงครั้งประวัติการณ์เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ส่งผลค่าเงินปอนด์สเตอริงดำดิ่งลงแตะระดับ 1.0327 ทำสถิติมีค่าเงินปอนด์สเตอริงต่ำสุดเป็นประวัติศาสตร์ สร้างความผันผวนและปั่นป่วนให้ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนทั่วโลก

เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ธนาคารกลางอังกฤษ หรือบีโออี แถลงว่าธนาคารกลางจะทำการรับซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลอังกฤษจำนวนมากเท่าที่มีความจำเป็นตั้งแต่ขณะนี้จนถึงวันที่ 14 ต.ค.เพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน การแถลงดังกล่าวมีขึ้นเนื่องจากนักลงทุนจากความเชื่อมั่นในนโยบายดังกล่าว และค่าเงินปอนด์สเตอริง ส่งผลแห่เทขายเงินปอนด์สเตอริงดำดิ่งเป็นประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักร ธนาคารกลางอังกฤษใช้เงินมากถึง 65,000 ล้านปอนด์สเตอริง หรือ 73,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.77 ล้านล้านบาท ในการเข้าซื้อพันธบัตรในระบบการเงิน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2565 นายกรัฐมนตรีหญิงสหราชอาณาจักร นางลิซ ทรัสส์ ประกาศนโยบายแก้ไขภาวะเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรด้วยการใช้มาตรการการคลังด้านภาษีที่มีการตัดลดรายได้จัดเก็บภาษีครั้งใหญ่ในรอบ 50 ปี เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร ในเวลาเดียวกัน การหารายได้มาทดแทนรายได้ภาษีที่สูญหายรวมกันมากถึง 45,000 ล้านปอนด์สเตอริง หรือเสียรายได้จากภาษีถึง 1.85 ล้านล้านบาทในช่วงปี 2026-2027 นั้น ทำให้รัฐบาลสหราชอาณาจักรเตรียมจะกู้เงินมูลค่า 72,000 ล้านปอนด์สเตอริง หรือกว่า 2.93 ล้านล้านบาทในปีงบประมาณนี้ในปีเดียว ได้สร้างความตกใจให้กับนักลงทุน และไปเพิ่มต้นทุนในการกู้ยืมเงินกู้พุ่งสูงอย่างทันที

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีหญิง และรัฐมนตรีกระทรวงการคลังอังกฤษ แถลงนโยบายตัดลดการเก็บภาษี ซึ่งเป็นนโยบายการคลังด้านภาษีที่มีขนาดใหญ่ในรอบ 50 ปีของอังกฤษ