รถไฟฟ้าอีวีเวียดนาม วินฟาสท์ขึ้นแท่นยักษ์ใหญ่อันดับ 3 ของโลกใน 24 ชั่วโมง จ่อแซงเทสลา

381
0
Share:
รถไฟฟ้าอีวี เวียดนาม วินฟาสท์ ขึ้นแท่นยักษ์ใหญ่อันดับ 3 ของโลกใน 24 ชั่วโมง จ่อแซงเทสลา

บริษัทวินฟาสท์ ออโต้ ลิมิเท็ด หรือวีเอฟเอส ผู้ผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้า หรือรถอีวีสัญชาติเวียดนาม เปิดเผยว่า ราคาหุ้นของบริษัทปิดทะยานขึ้นถึง 21% ในการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่าจากเดิมขึ้นมาเป็น 190,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6.65 ล้านล้านบาท ทำสถิติเป็นบริษัทยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ที่สำคัญ มีขนาดบริษัทใกล้แซงอันดับ 2 คือ บริษัทเทสลา อินคอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าชื่อดังของโลกในสหรัฐอเมริกา และอันดับ 1 ได้แก่ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ผู้ผลิตยายนต์ยักษ์ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น

นอกจากนี้ มูลค่าของบริษัทวินฟาสท์ที่ 190,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6.65 ล้านล้านบาทนั้น ยังมีขนาดใหญ่กว่า 3 บริษัทผลิตรถยนต์ชื่อดังระดับโลกรวมกัน ได้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู และฮอนด้า มอเตอร์ อีกด้วย

วินฟาสท์ คาดว่าในปีนี้ จะสามารถขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 50,000 คัน ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่า 36 เท่ากว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเทสลา อินคอร์ปอเรชั่น ที่จะสามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้ 1.8 ล้านคันในปีนี้

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา วินฟาสท์ ออโต้ ลิมิเท็ด เข้าซื้อขายหุ้นวันแรก ด้วยการจดทะเบียนซื้อขายในดัชนีหุ้นนาสแดค ตลาดหุ้นนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา แรงซื้อหุ้นวินฟาสท์เกิดขึ้นอย่างหนาแน่นตลอดจนกระทั่งปิดตลาดหุ้น พบว่า ราคาหุ้นวินฟาสท์พุ่งทะยานจากราคาจองซื้อหรือไอพีโอถึง 255% โดยพุ่งจากราคาเปิดซื้อจายที่ 22 ดอลลาร์สหรัฐ หรือหุ้นละ 770 บาท ขึ้นมาปิดตลาดที่หุ้นละ 37.60 ดอลลาร์สหรัฐ หรือหุ้นละ 1,316 บาท

ราคาหุ้นวินฟาสท์ปิดที่หุ้นละ 37.60 ดอลลาร์สหรัฐ หรือหุ้นละ 1,316 บาทในวันแรก มีราคาพุ่งทะยานมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบจากราคาหุ้นวินฟาสท์ที่ตกลงกันไว้ที่หุ้นละ 10 ดอลลาร์สหรัฐ หรือหุ้นละ 350 บาทกับบริษัทแบล็ค สเปด แอคควิซิชั่น ซึ่งเป็นบริษัทพันธมิตรในการนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ด้วยวิธีการแบ็คดอร์ ลิสติ้ง

ความคึกคักของการซื้อขายหุ้นวินฟาสท์ในวันซื้อขายวันแรก ส่งผลให้มูลค่าของบริษัท วินฟาสท์ ออโต้ ลิมิเท็ด หรือวีเอฟเอส พุ่งทะยานเป็น 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.98 ล้านล้านบาท ทำให้บริษัทดังกล่าวที่เป็นเจ้าของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวีแห่งชาติเวียดนามและอาเซียน มีขนาดใหญ่กว่าบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ หรือจีเอ็ม ซึ่งมีขนาดที่ 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.61 ล้านล้านบาท และใหญ่กว่าบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ซึ่งมีขนาดที่ 48,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.68 ล้านล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวล้วนเป็นยักษ์ใหญ่ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกันมามากกว่า 100 ปี