รมว.คลัง มั่นใจเศรษฐกิจไทยปีนี้โตถึง 3.5-4.5% เชื่อส่งออก-ลงทุน เป็นแรงขับเคลื่อน

449
0
Share:
รมว.คลัง มั่นใจ เศรษฐกิจไทย ปีนี้โตถึง 3.5-4.5% เชื่อ ส่งออก -ลงทุน เป็นแรงขับเคลื่อน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า คาดการณ์เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 65 จะขยายตัวได้ที่ระดับ 3.5-4.5% เพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่จีดีพีขยายตัวได้ประมาณ 1% ซึ่งสิ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ได้แก่ ภาคการส่งออกที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากปีที่ผ่านมาที่คาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 15-16% ซึ่งจะส่งผลดีไปยังการลงทุนภาคเอกชน และการผลิตในภาคอุตสาหกรรมด้วย

นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลดีกับธุรกิจโรงแรมและที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะเชื่อมโยงไปยังแรงงานให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐ รวมกว่า 1.9 ล้านล้านบาท จากงบลงทุนปีงบประมาณ 65 วงเงิน 6 แสนล้านบาท งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 3 แสนล้านบาท และเม็ดเงินจากการให้สัมปทานในโครงการอีอีซี อาทิ โครงการก่อสร้างสนามบิน โครงการก่อสร้างท่าเรือ เป็นต้น วงเงินราว 1 ล้านล้านบาท จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้

สำหรับสิ่งที่ท้าทายเศรษฐกิจในปีนี้คือ

1.สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน เชื่อว่าจะสามารถควบคุมได้ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยการฉีดวัคซีนก็ยังคงเดินหน้าต่อ หลายฝ่ายคาดว่าจะมีผลกระทบแต่ไม่รู้จะยาวนานแค่ไหน

2.การขาดแคลนแรงงาน ซึ่งเป็นประเด็นท้าทายมาตั้งแต่ปี 2563 และ 2564 ขณะนี้ กระทรวงแรงงานก็ได้เปิดรับคำขอแรงงานนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ประเมินว่าในระยะครึ่งปีแรกอาจจะพบสถานการณ์ขาดแคลนแรงงานอยู่

3.สถานการณ์เงินเฟ้อ ซึ่งเกิดจากราคาพลังงานและอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น ในเรื่องราคาสินค้านั้นรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าไปกำกับดูแล ส่วนราคาพลังงานนั้น มอบหมายให้กระทรวงพลังงานไปดูแลไม่ให้ราคาน้ำมันดีเซลเกินกว่า 30 บาทต่อลิตร โดยมีกองทุนน้ำมันจะเข้ามาเป็นกลไกช่วยเรื่องของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะดูแลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบระหว่าง 1-3% แต่บางช่วงอาจจะไปเกือบถึง 3% หรือเกินไปบ้าง ซึ่งขึ้นอยู่กับราคาอาหารและพลังงาน แต่จะพยายามดูแลให้อยู่ภายใต้กรอบดังกล่าว