รองนายกฯ สุพัฒนพงษ์แจงใช้เงิน 200,000 ล้านบาท ช่วยแก้ปัญหาพลังงานให้คนไทย

251
0
Share:
พลังงาน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวว่า กว่า 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 รัฐบาลใช้เงินไปแล้ว 2 แสนล้านบาท เพื่อลดผลกระทบจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 2 เท่า เป็นวิกฤตซ้อนวิกฤตหลังเกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน

รัฐบาลพยายามตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ระดับ 110 ดอลลาร์ต่อบาเรล หรือ 30 บาทต่อลิตร แต่ราคาทุกวันนี้ขึ้นไปอยู่ประมาณ 170 ดอลลาร์ต่อบาลเรล ก็ต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลในประเทศเป็น 35 บาทต่อลิตร ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่เข้าไปช่วยเลย ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 45 บาทต่อลิตร ตอนนี้รัฐบาลช่วยอุ้มอยู่ที่ 10 บาทต่อลิตร หรือประมาณ 2 หมื่นล้านบาทต่อเดือน ส่งผลให้กองทุนน้ำมันติดลบอยู่ 9 หมื่นล้านบาท และคาดจะถึง 1 แสนล้านบาท ภายในสิ้นเดือนนี้

นอกจากนี้ ยังการปรับลดภาษีสรรพสามิตในส่วนของน้ำมันดีเซล พร้อมกับช่วยเหลือผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีใบอนุญาตสาธารณะ ตอนนี้กำลังศึกษาเพื่อขยายผลไปสู่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไป อย่างไรภายในเดือนมิ.ย.นี้น่าจะได้ข้อสรุป
ส่วนก๊าซหุงต้มปัจจุบันอุดหนุนอยู่ 1,500-2,000 บาทต่อเดือน แต่ก็ยังจำเป็นต้องปรับราคาขึ้นเรื่อยๆ โดยรัฐบาลก็ยังให้ความช่วยเหลือคนตัวเล็ก คนถือบัตรสวัสดิการ พ่อค้า แม่ขาย เข้าโครงการรับส่วนลดเงินช่วยเหลือ ขณะที่การขึ้นอัตราค่าไฟฟ้า ขึ้นมาที่ละสลึง หรือ25 สตางค์ แต่สำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนรัฐบาลก็ดูแลอยู่

สำหรับทิศทางราคาน้ำมัน คาดว่าสถานการณ์น้ำมันแพงจะยืดเยื้อ แต่จะยืดเยื้อและราคาสูงเท่าไหร่นั้นต้องติดตามต่อไป โดยปลายเดือนมิ.ย.นี้จะมีการประชุมจี 7 เชื่อว่าประเทศผู้นำที่ได้รับผลกระทบจากพลังงาน ต้องหาทางออกให้กับประชากรทั้งโลก