ดาวโจนส์ปิดดิ่งเหวกว่า 400 จุด น้ำมันดิบปิดร่วงกว่า 4% หลุด 100 ดอลลาร์

310
0
Share:
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,308 จุด -413 จุด หรือ -1.19% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,412 จุด -75 จุด หรือ -1.69% และดัชนีหุ้นนาสแดค อยู่ที่ระดับ 13,411 จุด -299 จุด หรือ -2.18% ในสัปดาห์ที่ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปรับลดลง -0.28%, -1.27% และ -3.86% ตามลำดับ
.
สาเหตุจากนักลงทุนกังวลมากขึ้นกับการรายงานตัวเลขภาวะเงินเฟ้อเดือนมีนาคมในสหรัฐอเมริกา ที่จะประกาศในวันอังคารที่ 12 เมษายนนี้(ตามเวลาสหรัฐ) ตลาดประเมินว่า ตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวจะอยู่ที่ 8.4% ซึ่งจะทำสถิติเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 41 ปี หรือนับตั้งแต่ธันวาคม 1981 นอกจากนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะกลางอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 2.79% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปีกว่า หรือตั้งแต่มกราคม 2919 ทั้ง 2 ปัจจัยสำคัญ ล้วนกดดันการส่งสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่จะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย และปรับส่วนต่างดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดไว้
.
ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 94.29 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -3.97 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -4.04% ในช่วงระหว่างการซื้อขายคืนผ่านมา มีราคาตกต่ำสุดระหว่างวันที่ 92.93 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ก่อนหน้านี้ ในเดือนมีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน
.
ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 98.48 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -4.30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -4.18% ทำสถิติราคาปิดต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์กว่า หรือนับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมผ่านมา ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
.
ในสัปดาห์ที่ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกรายสัปดาห์ร่วงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ และเบร็นท์ อังกฤษ ลดลง -1.0% และ -1.5% ตามลำดับ
.
สาเหตุจากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นการล็อกดาวน์เมืองที่ใหญ่ที่สุดของจีนแผ่นดินใหญ่ ที่สำคัญ นครเซี่ยงไฮ้มีสัดส่วนการใช้น้ำมันดิบสูงถึง 4% ของการนำเข้าน้ำมันดิบทั้งหมดของทั้งประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และกระทบประชาชนราว 26 ล้านคน ในขณะที่จีนเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันดิบมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก ซึ่งเผชิญกับภาวะการระบาดโรคโควิด-19 อย่างรุนแรงต่อเนื่องด้วยสถิติติดเชื้อรายวันมากเป็นประวัติการณ์มาเป็นวันที่ 5 ติดกัน ทำให้ต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์รวมกันกว่า 23 เมือง กระทบประชาชนชาวจีนกว่า 193 ล้านคนนับตั้งแต่พบการระบาดรอบใหม่เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา
.
นอกจากนี้ สมาชิกในกลุ่มสำนักงานพลังงานะระหว่างประเทศ หรือ ไออีเอ เตรียมปล่อยน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดโลกราว 60 ล้านบาร์เรลในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นการสนับสนุนประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ประกาศปล่อยน้ำมันดิบ 180 ล้านบาร์เรลใน 6 เดือนติดต่อกัน หรือเฉลี่ยวันละ 1 ล้านบาร์เรลจากคลังสำรองน้ำมันดิบเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา เข้าสู่ตลาดโลก ทำสถิติปริมาณน้ำมันดิบจากคลังสำรองดังกล่าวเข้าสู่ตลาดมากที่สุดในรอบเกือบ 50 ปี เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตราคาน้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูปมีราคาแพง
.
ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,948.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +0.1% ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาทองคำตลาดโลกเพิ่มขึ้น +1.1% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน
.
สาเหตุจากสถานการณ์สงครามรัสเซียกับยูเครนยังคงตกอยู่ในความไม่แน่นอนสูง และไม่มีความชัดเจนในผลการเจรจาสันติภาพแต่อย่างใด นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าในคืนผ่านมา รวมถึงความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาที่ไม่มีสัญญาณการผ่อนคลายลงแต่อย่างใด