‘รองนายกฯ อนุทิน’ รับมอบวัคซีนโคโวแวกซ์จากอินเดีย 2 แสนโดส เร่งฉีดเด็กก่อนเปิดเทอม

336
0
Share:
วัคซีนโคโวแวกซ์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับมอบวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับบริจาคจากประเทศอินเดีย โดยมี นางสุจิตรา ทุไร เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนส่งมอบ พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต 4 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมด้วย

กระทรวงสาธารณสุข ได้รับการประสานจากสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อบริจาควัคซีนโควิด-19 ของบริษัท COVOVAX จำนวน 20,000 ขวด รวม 2 แสนโดส มูลค่า 60 ล้านรูปี ภายใต้การสนับสนุนของจตุภาคีด้านความมั่นคง เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ในการเร่งรัดสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนด้วยวัคซีน เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19

วัคซีนได้จัดส่งถึงไทยเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งกรมควบคุมโรค ได้ดำเนินการตรวจรับวัคซีนเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อยู่ระหว่างการตรวจรับรองรุ่นการผลิต เมื่อแล้วเสร็จจะดำเนินการกระจายและนำไปใช้ต่อไป

ขณะนี้ยังต้องรณรงค์เร่งรัดการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้น โดยผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนเข็มแรก สามารถเข้ารับการฉีดแบบวอล์กอินได้ ส่วนเด็กวัยเรียนอายุ 5-17 ปี ก็จะต้องเร่งรัดฉีดวัคซีนเพื่อรองรับการเปิดภาคเรียนที่ 1/2565 สำหรับกลุ่มอายุ 5-11 ปี จำนวน 5.1 ล้านคน เพิ่งฉีดเข็มแรกได้เพียง 49.5% และเข็มสอง เพียง 4% จึงยังต้องเร่งให้มาฉีดทั้งเข็มแรกและเข็มสอง ซึ่งจะดำเนินการฉีดวัคซีนผ่านระบบสถานศึกษา

ส่วนกลุ่มอายุ 12-17 ปี จำนวน 4.7 ล้านคน ฉีดเข็มแรกแล้ว 87% เข็มสอง 74.3% และเข็มสามฉีดไปได้เพียง 1.6% กรณีที่ไม่ได้มารับวัคซีนเข็มที่ 2 ตามนัด ให้รับวัคซีนผ่านระบบสถานพยาบาล ขณะที่การฉีดเข็มกระตุ้น จะฉีดผ่านระบบสถานศึกษา ซึ่งในช่วงเดือน พ.ค.นี้ มีการเตรียมวัคซีนไว้รองรับการฉีดกว่า 7 ล้านโดส

ทางด้าน อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยว่าวัคซีนโคโวแวกซ์เป็นชนิดโปรตีนซับยูนิต ทั่วโลกยังมีการใช้ไม่มาก คณะกรรมการวิชาการจึงมีความเห็นให้ใช้ตามฉลาก คือ ฉีด 2 เข็มห่างกัน 3 สัปดาห์ และแนะนำให้ฉีดในกลุ่มที่ยังไม่เคยรับวัคซีนมาก่อน หรือแพ้วัคซีนชนิดอื่น ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ ส่วนการใช้เป็นเข็มกระตุ้นยังต้องรอการศึกษา